พลตำรวจเอกวิสนุ ปราสาททองโอสถ ประธานบอร์ด บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) AOT หรือ ทอท. เปิดเผยถึงการเข้ามารับตำแหน่งประธานบอร์ด ทอท.และทิศทางการนำพาสนามบินภายใต้การกำกับของ ทอท.ทั้ง 6 แห่ง ประกอบด้วย สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินเชียงใหม่ สนามบินภูเก็ต สนามบินหาดใหญ่ และสนามบินแม่ฟ้าหลวงเชียงราย รับมือกับการกลับมาเติบโตของอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก ว่า การเข้ามารับตำแหน่งประธานบอร์ด ทอท. ถือเป็นสิ่งที่ท้าทาย จากที่เคยเป็นตำรวจแล้วต้องมานั่งกำกับดูแลวางนโยบายท่าอากาศยานภายใต้กำกับทั้ง 6 แห่งที่ถือเป็นประตูบานแรกในการเปิดรับให้ต่างชาติทั่วโลกเข้ามาเป็นแขกในบ้านเรา ดังนั้น นอกจากเชิญแขกให้เข้ามาบ้านแล้ว สนามบินซึ่งเป็นห้องรับแขกแรกก็จะต้องมีความพร้อมที่จะรองรับ
“ผมมีนโยบายอย่างชัดเจน เร่งด่วน ซึ่งนอกจากเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งบุคลากร อุปกรณ์ที่ทันสมัยในการบริการแล้ว การขยายขีดความสามารถเพื่อยกระดับมาตรฐานสนามบินก็จะดำเนินการควบคู่กันไปภายในรัฐบาลชุดนี้ ผมมีความมุ่งมั่นในการบริหารงานที่จะยกระดับให้ ทอท.เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางอากาศแห่งภูมิภาค เป็นประตูการบินของโลก และมีเป้าหมายที่จะให้ ทอท.กลับมาติด 1 ใน 50 ท่าอากาศยานที่ดีที่สุดของโลกภายใน 2 ปีนี้ จากปัจจุบันติดอันดับที่ 77”
“คน-ระบบ-จิตวิญญาณ” ปั้นสนามบินโลก
ทั้งนี้ สำหรับการยกระดับการเป็นศูนย์กลางคมนาคมขนส่งทางอากาศแห่งภูมิภาคสู่ประตูการบินของโลก ถือเป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะทำให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นฮับอยู่แล้ว ประกอบกับประเทศไทยอยู่ในภูมิศาสตร์ที่ตั้งที่สมบูรณ์ ปัจจัยหลักในการทำให้ AOT บรรลุสู่ความสำเร็จ (Key Success) จะประกอบด้วย 1.การให้คุณค่ากับกำลังคน (Manpower) ทุกระดับ ทุกฝ่าย 2.สร้างความมั่นใจทางธุรกิจ เพื่อความมั่นคงในการเติบโต 3. ความโปร่งใสตรวจสอบได้ คือ หัวใจสำคัญ 4.สร้างการยอมรับ (Trust) จากสังคม ประชาชน ผู้ใช้บริการทุกส่วนในอุตสาหกรรมการบิน และ 5. บูรณาการการทำงานทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมการบินในรูป Home Team เพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จร่วมกัน
“คน ระบบ จิตวิญญาณ 3 ส่วนนี้เป็นเรื่องสำคัญ และเป็นหัวใจของความสำเร็จ” ในเบื้องต้นเราจึงให้ความสำคัญกับคน พนักงาน AOT ทุกคนจะต้องมีความภูมิใจ มีจิตวิญญาณในการให้บริการ และเข้าใจวิสัยทัศน์ การทำงานจะกำหนด kpi ที่ชัดเจน ต้องประเมินผลได้อย่างเป็นรูปธรรมและเป็นธรรม พูดง่าย ๆ คนทำดีก็ต้องได้รับผลตอบแทนที่ดี ทุกคนมีค่ากับองค์กร ขณะเดียวกัน ต้องใช้เทคโนโลยีทันสมัยมาช่วย เพราะไม่สามารถเพิ่มคนได้เรื่อยๆ
“เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายให้สนามบินสุวรรณภูมิขึ้นไปติดอันดับ 1-50 ภายใน 2 ปี จึงมีแนวคิดทำ Strategic workshops นำโดยผู้บริหาร AOT คู่ค้า มาปรึกษาหารือร่วมกัน ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ใครจะทำอะไร มีส่วนใดที่ต้องแก้ไข ขณะเดียวกันก็ต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีการกระจายอำนาจ และต้องมีการตรวจสอบติดตาม เหนือสิ่งอื่นใดคือความไว้ใจของสังคม อย่างผมมาจากตำรวจ ความไว้ใจสำคัญที่สุด เพราะถ้าไม่ไว้ใจก็ไม่ได้งาน”
โจทย์ใหญ่ดันไทยเป็นฮับการบินภูมิภาค
ในปี 67 เป็นปีที่การเดินทางกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากที่ทั่วโลกได้เผชิญการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้ปริมาณการจราจรทางอากาศเริ่มกลับมาฟื้นตัว ซึ่ง AOT ได้วางกรอบนโยบาย แนวทางการบริหารงาน และพัฒนาท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบ ทั้ง 6 สนามบิน เริ่มจาก “นโยบายเร่งด่วน” คือ 1. การปรับปรุงพื้นที่ทางกายภาพ และระบบอำนวยความสะดวกทั้งในและนอกอาคารของสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ให้พร้อมตอบสนองนโยบายเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติของรัฐบาล และ 2.การเร่งบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับสนามบินสุวรรณภูมิเป็นสนามบินชั้นนำ ตามมาตรฐานสากลให้ได้ในปี 67
สำหรับ “นโยบายแผนระยะยาว” จะเห็นได้ว่าสถิติในเดือน ต.ค.65-ก.ย.66 มีผู้มาใช้บริการสนามบินรวมกว่า 100.1 ล้านคน โดยที่สนามบินสุวรรณภูมิได้รองรับผู้โดยสารมากที่สุด คือ จำนวนกว่า 48.37 ล้านคน นั่นหมายถึงนิมิตหมายอันดีของประเทศไทยในการขับเคลื่อนทางด้านเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว ประกอบกับในส่วนของสนามบินสุวรรณภูมิได้ถูกผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค
“ทุกวันนี้ เรารู้ว่าปัญหาของสนามบินมีมากจริง ต้องมีการเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกด้วยการเพิ่มเครื่องระบบช่องทางตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ หรือ Automatic channel ให้มากที่สุด รวมถึงมีการประสานงานใกล้ชิดกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ทำให้ผู้โดยสารที่จะเดินทางออกใช้เวลาน้อยที่สุด ส่วนการตรวจคนเข้าเมืองก็ให้เร็วที่สุด จะได้ใช้เวลาผ่อนคลายในสนามบิน ผู้โดยสารเข้ามาได้อย่างรวดเร็ว กระเป๋าเร็ว ตม.เร็ว และในอนาคตก็จะลดขั้นตอนทั้งหมดเป็นไบโอเมทริกซ์ทั้งหมด ก็จะทำให้สามารถเดินทางออกได้เลย”
อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าความสุขของผู้โดยสารที่ขึ้นเครื่องและท่องเที่ยวในประเทศเป็นประสบการณ์ของทุกคนที่อยากสัมผัส ซึ่ง ทอท.จะเข้าไปดูในทุกๆมิติ รวมถึงเรื่องของรถติด รถเข้ามาจอดรอนานจะทำอย่างไร หรือไม่คิดเงินค่าจอดรถใน 30 นาทีแรก ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้โดยสารและคนที่มารอรับ เป็นต้น
ลุยขยายเพิ่มขีดความสามารถสนามบิน
พลตำรวจเอกวิสนุ กล่าวว่า เพื่อสนองนโยบายรัฐบาล ตนจะเดินหน้าผลักดันการขยายขีดความสามารถ สนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารทางทิศเหนือ สนามบินสุวรรณภูมิหรือ North Expansion และส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันออกของอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ (East Expansion) ซึ่งโครงการ North Expansion เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นเป็น 90 ล้านคนต่อปี ซึ่งปัจจุบันกระทรวงคมนาคมได้ให้ความเห็นชอบแล้วและอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติงบประมาณ
นอกจากนั้น จะเร่งขยายสนามบินดอนเมืองอย่างเต็มที่ รวมถึงขยายสนามบินเชียงใหม่ และสนามบินภูเก็ต โดยแผนการขยายขีดความสามารถสนามบินดอนเมือง มีแผนก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ และปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร อาคาร 1 เป็นอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ลดความแออัดของผู้โดยสารที่เข้ามาใช้บริการ
รวมทั้ง ยังมีปรับระบบจราจรภายในสนามบินดอนเมือง เพื่อลดปัญหาจราจรแออัดหนาแน่นในชั่วโมงเร่งด่วน โดยจะก่อสร้างทางยกระดับจากดอนเมืองโทลล์เวย์เชื่อมต่อมายังอาคารผู้โดยสารเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผู้โดยสารขาออก และทางขึ้นดอนเมืองโทลล์เวย์จากภายในสนามบินดอนเมือง ในส่วนของ Runways ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างเพิ่มทางวิ่ง เส้นที่ 3 (3rd Runway) ของสนามบินสุวรรณภูมินั้น ทอท.มีแผนจะเปิดใช้งานทางวิ่งเส้นที่ 3 ในวันที่ 1 กรกฎาคม 67 ซึ่งจะทำให้เพิ่มศักยภาพให้สนามบินสุวรรณภูมิสามารถรองรับเที่ยวบินได้เพิ่มขึ้นจาก 64 เที่ยวบินต่อชั่วโมงเป็น 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมง.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่