เทรนด์ติดโซลาร์รูฟท็อปยังแรง ปัจจัยหลักจากค่าไฟฟ้า

นายปิยะศักดิ์ พิเชษฐนาวิน อุปนายกสมาคมผู้ประกอบการ และช่างพลังงานแสงอาทิตย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจติดตั้งแผงการผลิตไฟฟ้า จากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์ รูฟท็อป) ตลอดปีนี้ จะยังมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยหลักมาจากค่าไฟฟ้าของประเทศไทยยังคงอยู่ในอัตราสูงเฉลี่ย 4.18 บาทต่อหน่วย (งวดเดือน ม.ค.-เม.ย.) ทำให้ภาคธุรกิจ หน่วยงานรัฐมีการลงทุนติดตั้ง ในอาคาร โรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ เพื่อควบคุมต้นทุนในระยะยาว

“การติดแผงโซลาร์ฯผลิตไฟฟ้า ความคุ้มค่าได้ตอบโจทย์ไปนานแล้ว ซึ่งตลาดการติดตั้งในธุรกิจโรงงานที่ผ่านมามีการติดตั้งกันค่อนข้างมากและเป็นตลาดใหญ่สุด และเติบโตต่อเนื่อง แต่แม้ว่าภาคครัวเรือนจะเป็นตลาดเล็กๆแต่อัตราการเติบโตในขณะนี้กลับสูงกว่าพอสมควร นับเป็นสัญญาณที่ประชาชนเองเริ่มหันมาหาวิธีลดรายจ่ายมากขึ้นจากค่าไฟฟ้า”

สำหรับทิศทางของราคาแผงและอุปกรณ์การติดตั้งภาพรวมในปีนี้ ปรากฏว่าแนวโน้มยังคงทรงตัวหลังจากที่ราคาต่างๆได้มีการปรับลดลงอย่างมากในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา แต่อาจเปลี่ยนบ้างเล็กน้อยตามทิศทางของอัตราแลกเปลี่ยน ความต้องการของตลาดโลกที่สูง และวัตถุดิบการผลิต ส่วนใหญ่แผงโซลาร์ฯที่ประเทศไทยนำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน ขณะเดียวกัน ผู้รับเหมาติดตั้งแผงโซลาร์ฯและอุปกรณ์ในไทย ขณะนี้ก็มีปริมาณที่มากพอสมควร ส่งผลให้การติดตั้งมีการแข่งขันค่อนข้างสูง

ขณะเดียวกัน กรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้หลังคาบ้านหรูที่มีการติดตั้งแผงโซลาร์ฯ สมาคมก็อยากเข้าไปร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงและพร้อมที่จะร่วมมือ หากได้รับเชิญมาเพราะในข้อเท็จจริงจำเป็นต้องตรวจลึกในรายละเอียดด้วยเพราะระบบไฟฟ้าภาพรวมมีอุปกรณ์หลายส่วนที่เกี่ยวข้อง แต่ยืนยันว่า กรณีดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการติดตั้งแผงโซลาร์ฯในภาพรวม

“สิ่งสำคัญของการติดตั้งแผงโซลาร์ฯคือประชาชนต้องตระหนักถึงความสำคัญ ได้แก่ อุปกรณ์ที่ต้องได้มาตรฐานผู้รับเหมามีช่างฝีมือที่มีประสบการณ์ เป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือได้ เพราะหากดำเนินการตามนี้แล้วความปลอดภัยจะสูงมาก ซึ่งสามารถสอบถามมายังสมาคมได้ เพื่อที่จะช่วยดูในเรื่องของผู้รับเหมาที่มีมาตรฐาน”.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่