ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนในสังคม หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 จบลง นำมาซึ่งแนวโน้มการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2567 ที่ต่างไปจากอดีตเช่นกัน ข้อมูลน่าสนใจของ “แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น” หรือ LWS ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือบริษัท แอล พี เอ็น ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ปัจจุบัน “ราคาที่อยู่อาศัย” ยังมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งเป็นผลมาจาก “ราคาที่ดิน” ที่ปรับตัวสูงขึ้น ผนวกกับราคาวัสดุก่อสร้าง ราคาพลังงาน และต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทำให้ราคาที่อยู่อาศัยปรับตัวสูงขึ้น สวนกับความสามารถในการสร้างรายได้ของผู้บริโภคในปัจจุบัน จากสถานการณ์ดังกล่าวนี่เอง ทำให้การซื้อที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มลดลง
ย้อนไปปี 2565 ตลาดคอนโดมิเนียม (กทม.-ปริมณฑล) มีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์สัดส่วนหดลงมาอยู่ที่ 34% จากเดิมเคยสูงถึง 45% ของ 6.5 แสนล้านบาท ทำให้กระแส “การเช่าที่อยู่อาศัย” เกิดความนิยมสูงขึ้นมาก กลายเป็น 1 ในโจทย์สำคัญของการพัฒนาอสังหาฯ ในปีนี้
เนื่องจากเมื่อเปรียบเทียบความคุ้มค่าระหว่างการเช่ากับซื้อ พบว่าจากราคาขายคอนโดมิเนียม กทม.-ปริมณฑล มีการปรับเพิ่มเทียบกับปี 2561 ถึง 29% ในขณะที่อัตราค่าเช่ากลับมีทิศทางที่ลดลงประมาณ 7% ส่งผลให้ทิศทางการเลือกคอนโดมิเนียมในรูปแบบการเช่าไตรมาส 1 ปี 2566 เพิ่มขึ้นถึง 56% เมื่อเทียบกับความต้องการซื้อที่ลดลงราว 5%
ส่งผลให้เข้าสู่ยุค Generation Rent ที่เน้นการเช่ามากกว่าซื้อ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่าง Gen Z (First Jobber), Gen Y ที่มีสถานะเป็นผู้เช่ามากกว่า 50% และมีอัตราค่าเช่าเฉลี่ย 6,000-9,000 บาท/เดือน โดยที่มีสัดส่วนรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ในช่วง 20,000-40,000 บาท และมีสถานภาพโสดมากกว่า 70% สะท้อนถึงพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ชอบอยู่คนเดียว, ชอบความสะดวกสบาย, ชอบเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมใหม่
ทั้งนี้ จากพฤติกรรมและความต้องการของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยที่เปลี่ยนไป ทำให้เกิดเทรนด์ Build-to-Rent (BTR) หรือการสร้างบ้านให้เหล่าคนโสดมารวมตัวกัน ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งการแชร์บ้านกับคนแปลกหน้า หรือการรวมตัวกันของกลุ่มเพื่อนแก๊งคนโสด
ขณะเดียวกัน วัฒนธรรมการเช่าบ้านนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในจีน เอเชีย และสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 2561 รวมไปถึงคู่สมรสที่ไม่อยากมีลูก โดย 60% ให้เหตุผลว่าการไม่มีลูกทำให้มีเงินเก็บเพื่อนำไปท่องเที่ยว และ 74% บอกว่าการมีสัตว์เลี้ยงก็ช่วยเติมเต็มสมาชิกในครอบครัวได้ ก็ต้องการที่อยู่อาศัยในรูปแบบของการเช่ามากขึ้น
เช่นเดียวกับเทรนด์ Solo Service จากรูปแบบการใช้ชีวิตที่ต้องการอิสระ อยู่เป็นโสด และเดินทางคนเดียวมากขึ้น ทำให้ความต้องการที่จะได้รับบริการสำหรับลูกค้าที่มาเพียงลำพัง จึงเป็นบริการที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เช่น ร้านอาหารที่มีพื้นที่สำหรับการนั่งคนเดียว หรือการออกแบบพื้นที่สำหรับคนโสด แต่ต้องการได้บรรยากาศที่เชื่อมต่อกับผู้คนภายนอก เช่น Co-working Space หรืออพาร์ตเมนต์สำหรับคนโสด ก็มีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
“การออกแบบที่ตอบโจทย์ผู้คนในยุคนี้ คือการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่สามารถรองรับ “การใช้งานคนเดียวท่ามกลางผู้คนในพื้นที่ส่วนรวม” มีบรรยากาศที่ผ่อนคลาย มีการออกแบบที่รองรับการใช้งานของผู้สูงอายุและคนทุกวัย ในขณะที่พื้นที่พักอาศัยควรคำนึงถึงการอยู่อาศัยของคนโสด ตอบรับตลาดการเช่า และครอบครัวที่มีสัตว์เลี้ยงมากขึ้น” ประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ LWS กล่าวทิ้งท้าย
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney