รัฐบาลเดินหน้าส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่อง เที่ยวและการใช้จ่ายด้วยการปรับปรุงโครงสร้าง ภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มสินค้าสุราบางประเภท การยกเว้นอากรขาเข้าสินค้าไวน์และลดภาษีสรรพสามิตสำหรับกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายซื้อสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม และท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น
ขณะเดียวกันรัฐบาลได้ใช้โอกาสเดียวกันส่งเสริมสุราแช่พื้นบ้านด้วยการเว้นภาษีการจัดเก็บตามมูลค่าลงเพื่อส่งเสริมให้ผู้ผลิตสุราได้พัฒนาต่อยอดไปสู่การสร้างซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทยต่อไปนั้น บรรดาผู้ประกอบการด้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ออกมาขานรับและชื่นชมรัฐบาล
ซึ่งสมาคมผู้ประกอบการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย (TABBA) ซึ่งเป็นหนึ่งสมาคมผู้ผลักดันในนโยบายดังกล่าว โดยนางสาวเขมิกา รัตนกุล นายกสมาคมคนปัจจุบัน ได้กล่าวแสดงความขอบคุณรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องที่เข้าใจในปัญหาโครงสร้างภาษีสุราได้แท้จริง ซึ่งประเทศไทยการท่องเที่ยวเกือบจะสมบูรณ์แบบ ต่างชาติมาเที่ยวอะไรดีหมด แต่ราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำพวกไวน์แพงกว่าค่าอาหาร
“รัฐบาลเดินมาถูกทางเพราะเรื่องอาหารและเครื่องดื่มเป็นสิ่งที่ประเทศไทยเราติดอันดับอยู่แล้ว ตอนนี้ราคาลงมาสมเหตุสมผล ที่ผ่านมาตลาดไวน์ในประเทศไทยมีความลักลั่นเก็บภาษีนำเข้า 60% เมื่อรวมกับภาษีสรรพสามิตแล้วทำให้ราคาจำหน่ายปลีกในประเทศแพงเกินไป ทำให้เกิดการลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีราคาถูกกว่าครึ่ง”
อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมยังมองว่ากฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ที่ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเวลาที่กำหนด รวมถึงช่วงเวลา 14.00-17.00 น. ทางสมาคมมองว่ารัฐบาลควรจะปลดล็อกได้แล้ว โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวพักผ่อนกัน
สำหรับการส่งเสริมการผลิตสุราชุมชนนั้น ทางสมาคมมองว่าอยากให้รัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยพัฒนาการผลิตสุราชุมชนให้ได้มาตรฐานทัดเทียมกัน ที่ผ่านมาชาวบ้านที่ผลิตกันตามบ้านหรือตามชุมชนผลิตไปด้วยการขาดองค์ความรู้ หากช่วยกันพัฒนามาตรฐาน ดูความปลอดภัยให้ผู้บริโภค และนักท่องเที่ยวและแพ็กเกจจิ้งหากทำให้สวย ทำขายเป็นของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยวกลับบ้านสวยๆ เป็นของที่ระลึกมีความแตกต่างมีคุณค่าและเป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่คนอยากได้
อย่างไรก็ตาม สมาคมยังย้ำเสมอว่า การให้ศึกษาการให้ความรู้เรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีความสำคัญมาก ต้องดื่มอย่างโมเดอร์เรตหมายถึงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่ไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงทางสุขภาพและสังคม ความเหมาะสมของปริมาณการดื่มอาจแตกต่างกันไปตามสภาพร่างกายและสุขภาพของแต่ละบุคคล
นางสาวเขมิกา ระบุด้วยว่า การที่ทางสมาคมออกมาเคลื่อนไหวเหมือนเป็นการส่งเสริมให้มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แต่ไม่ใช่เพราะเราต้องรู้ว่าควรดื่มได้ในประมาณเท่าใด ในโอกาสควรดื่ม โอกาสไหนไม่ควรและส่งเสริมการใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ดื่มแล้วขับต้องเอาให้หนัก จ่ายใต้โต๊ะไม่ได้และห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้สถานบริการ เป็นต้น
ทางด้าน ผศ.ดร.เจริญ เจริญชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตสุรา อดีตอาจารย์คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี มองว่านโยบายของรัฐที่ต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยการยกเว้นภาษีนำเข้าไวน์นั้น ต้องการโปรโมตจริงๆหรือไม่ เพราะหากถามว่านักท่องเที่ยวต่างชาติหรือฝรั่งมาไทยเขาจะกินไวน์ของเขาเอง หรือจะต้องการลิ้มลองดื่มเครื่องดื่มของไทย เพราะข้อเท็จจริง พวกนี้เดินทางมาท่องเที่ยวอยู่แล้ว มีจำนวนน้อยที่มาเที่ยวเมืองไทยแล้วสั่งไวน์ของเขาดื่มกัน เหมือนเราไปต่างประเทศเราก็อยากลองดื่มเครื่องดื่มท้องถิ่นกัน แต่นโยบายนี้มองว่าน่าจะไปช่วยพวกชอบดื่มไวน์ พวกชอบโชว์ยี่ห้อ พวกบริษัทนำเข้าไวน์มากกว่า
“ขณะที่การส่งเสริมให้สุราพื้นบ้านเป็นซอฟต์พาวเวอร์นั้น มองว่าเป็นการโปรโมตเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากการลดภาษีนำเข้าไวน์มากกว่า เพราะการส่งเสริมสุราพื้นบ้านเป็นความจริงแค่ครึ่งเดียวเพราะยังเก็บภาษีตามดีกรีอยู่ เพราะกลุ่มสุราพื้นบ้านที่รัฐบาลส่งเสริมนั้นเป็นสุราแช่พื้นบ้านไม่เกิน 7 ดีกรี ซึ่งเป็นกลุ่มสาโท, อุ, กะแช่ แค่นั้นเอง ซึ่งเป็นส่วนน้อยมาก สาโทที่ผ่านมา กลุ่มนี้ราคาถูกกว่าเบียร์นิดเดียว แต่คุณภาพไม่มีตัวมาตรฐาน เปรี้ยวมากน้อย หวานมากหวานน้อย เก็บไม่ได้นาน ชาวบ้านหรือชุมชน ทำเป็นพวกเหล้าเถื่อนมากกว่า ขายเฉพาะเทศกาลมากกว่าผลิตทำใส่ขวดขายน้อยมากแต่สุราพื้นบ้านที่ผลิตกันมากจริงๆคือสุรากลั่นไม่ได้รับอานิสงส์นี้ด้วย”
ถ้าอยากจะทำสุราพื้นบ้านให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์จริงๆ ส่งเสริมสุรากลั่นไปเลย จากผู้ผลิตรายย่อยผลิตจากวัตถุดิบจากเกษตรกรไทยจะเป็นรูปธรรมมากกว่า ซึ่งสุรากลั่นที่สร้างชื่อเสียงให้วงการพื้นบ้านคือพวกสุราขาวทำขวดสวยๆคล้ายกับขวดยิน, รัมหรือวอดก้า ทำขวดสวยๆที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่
ทางด้าน ผศ.ดร.เจริญ ทิ้งท้ายว่า นโยบายนี้ไม่ได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวจริงแต่เป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนตำบลบอร์กโดซ์มากกว่าจะได้ขายไวน์ดีๆได้ง่ายขึ้น แต่ท้ายที่สุดผู้นำเข้าจะลดราคาขายในประเทศหรือไม่ ไม่มีใครรู้ได้.
วานิชหนุ่ม
wanich@thairath.co.th
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่