นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้ทวีตภาพหารือร่วมกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ (ทอท.) และนายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ห้องรับรอง อาคารรัฐสภา และข้อความผ่าน X ว่า
“ผมเชื่อมั่นว่าประเทศไทยมีศักยภาพทั้งในแง่ของทำเลที่ตั้ง สถานที่ท่องเที่ยว เหมาะสำหรับการค้าการลงทุน ดังนั้น การยกระดับสนามบินในจังหวัดต่าง ๆ ที่มีศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยว หรือเป็นจุดเปลี่ยนเครื่องของนักท่องเที่ยวไปยังประเทศต่างๆ ผมต้องการที่จะทำให้เกิดการบูรณาการทั้งระบบ เพื่อให้เกิดความประทับใจกับผู้ใช้บริการ”
ขณะที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า จากที่ประเทศญี่ปุ่นเกิดเหตุการณ์เครื่องบินเฉี่ยวชนกันที่สนามบินฮาเนดะ จึงได้สั่งการให้ ทอท.ไปศึกษาข้อมูลกรณีที่เกิดขึ้นที่ญี่ปุ่น เพื่อเป็นแนวทางและแผนในการป้องกัน สนามบิน ต่างๆในเมืองไทยไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น เนื่องจากมองว่า “ปีนี้เป็นปีมังกรดุ เพราะตั้งแต่ต้นปีก็มีทั้งแผ่นดินไหว ไฟไหม้เครื่องบิน ซึ่งไม่รู้ว่าทำไมปีนี้มังกรดุจัง”
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญโดยเฉพาะความปลอดภัยสูงสุดที่สนามบิน เนื่องจากเวลาเครื่องบินมีปัญหาก็จะมีข่าวไปทั่วโลก ทำให้คนขาดความเชื่อมั่นที่จะเดินทางไปยังประเทศนั้นๆ และจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวได้ ซึ่งเรื่องนี้นายกรัฐมนตรี และกระทรวงคมนาคม ห่วงใยอย่างมาก และให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทยอย่างมาก ขณะที่เริ่มมีมาตรการยกเว้นวีซ่าหรือวีซ่า ฟรี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว
ด้านนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.เปิดเผยว่า จากที่รัฐบาลมีนโยบายยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาของไทยและผู้ถือหนังสือ เดินทางกึ่งราชการ และหนังสือเดินทางธรรมดาของจีน (VISA FREE) ซึ่งจะเริ่มวันที่ 1 มี.ค.2567 กระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้ ทอท. เตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของนักเดินทางชาวจีนและชาวไทยที่จะเดินทางไปกลับระหว่างสองประเทศ ใน 6 สนามบินที่ ทอท.รับผิดชอบ โดยได้มีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการการให้บริการผู้โดยสารในขั้นตอนต่างๆ ทั้งในส่วนของผู้โดยสารขาเข้าและขาออกให้เกิดความคล่องตัว ไม่ให้เกิดภาพความหนาแน่นในแต่ละจุดบริการ โดยเฉพาะในขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง และบริเวณสายพานรับกระเป๋า รวมทั้งได้นำเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวกเพิ่มเติม โดย ทอท.คาดว่าในปี 2567 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยกว่า 8 ล้านคน ฟื้นตัว 75% เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย 11.1 ล้านคน
นอกจากนี้ ทอท.จะร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดแคมเปญดึงดูดนักท่องเที่ยว และสายการบิน เพื่อให้เกิดอุปสงค์ในการเดินทางมายังประเทศไทย และ ทอท.มีโครงการกระตุ้นตลาดด้านการบิน หรือ Performance-Based Incentive Scheme ณ สนามบินทั้ง 6 แห่งที่จะดึงดูดให้สายการบินเพิ่มปริมาณเที่ยวบินและผู้โดยสารระหว่างประเทศ โดย ทอท. จะสนับสนุนสายการบินที่ทำการบินในเที่ยวบินแบบประจำระหว่างประเทศ รวมถึงเที่ยวบินพิเศษ และเที่ยวบินแบบไม่ประจำหรือเช่าเหมาลำ นอกเหนือจากจำนวนเที่ยวบินของสายการบินตนเองตามตารางการบินที่ได้รับการอนุมัติ ณ วันที่ 8 ก.ย.2566 โดยสายการบินจะได้รับส่วนลดค่าบริการในการขึ้นลงของอากาศยาน 175 บาทต่อผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น 1 คน รวมทั้งมีโครงการสำหรับสายการบินที่เปิดให้บริการเส้นทางการบินใหม่ จะให้ส่วนลดค่าบริการในการขึ้นลงของอากาศยาน ค่าบริการที่เก็บอากาศยาน และค่าบริการใช้สะพานเทียบเครื่องบิน เพื่อดึงดูดให้สายการบินเปิดเส้นทางการบินใหม่มาที่สนามบินหลัก และสนามบินในภูมิภาคของ ทอท.เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองด้วย.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่