นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบและรับทราบมาตรการของขวัญปีใหม่ของกระทรวงการคลัง รวม 39 ชิ้น เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของ ประชาชน ช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 67 และคาดหวังว่าจะช่วยทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อีก 0.7%
สำหรับมาตรการที่ ครม.เห็นชอบอนุมัติ โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย ปี 2567 เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ส่งเสริมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ช่วยรักษาระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะให้ลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 2% เหลือ 1% และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 1% เหลือ 0.01% เฉพาะการโอนและจดจำนองในคราวเดียวกัน สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัย ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์ และห้องชุด ทั้งบ้านมือ 1 และมือ 2 เฉพาะที่มีราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 3 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 3 ล้านบาท ต่อสัญญา โดยไม่รวมถึงกรณีการขายเฉพาะส่วน ตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธ.ค.2567
“มาตรการดังกล่าวจะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ราว 5,000 ล้านบาท แต่จะสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวได้เพิ่มราว 0.5% เนื่องจากมาตรการดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นภาคธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีซัพพลายเชนจำนวนมาก ทั้งธุรกิจวัสดุก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้าง และการจ้างงาน เป็นต้น”
ส่วนมาตรการอื่นๆที่กระทรวงการคลังได้มอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน นายพรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า อาทิ การอนุมัติวงเงินค้ำประกันสินเชื่อในโครงการพีจีเอส 10 ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) วงเงิน 3,250 ล้านบาท เพื่อช่วยค้ำประกันสินเชื่อเอสเอ็มอี ขณะที่ธนาคารออมสินออกโครงการมีออม มีลุ้น สำหรับผู้ฝากสลากออมสินพิเศษ 2 ปี ได้รางวัลพิเศษรวม 111 ล้านบาท นอกจากนั้น ยังมีโครงการวินัยดี มีเงิน คืนเงินสดให้ลูกค้าผ่อนดี 500 บาท โครงการชำระดีมีโชค ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้สิทธิลูกค้าที่ผ่อนดีมีโอกาสลุ้นรับรางวัล 500 ล้านบาท ขณะที่ธนาคารอาคาร สงเคราะห์ (ธอส.) จะคืนเงินสดให้กับลูกค้าที่ผ่อนดีรายละ 1,000 บาท
สำหรับมาตรการของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จะชะลอการฟ้อง การบังคับคดี และการขายทอดตลาดหลักทรัพย์อย่างต่อเนื่องตลอดปี ยกเว้นคดีที่จะขาดอายุความ ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จะมีโครงการประกันภัย 10 บาท คุ้มครองการเดินทางช่วงปีใหม่สูงสุด 100,000 บาท ค่ารักษาพยาบาล 5,000 บาท และกรมธรรม์ประกันอัคคีภัย คุ้มครอง 30,000 บาท คุ้มครองโจรกรรม 5,000 บาท ระยะเวลา 30 วัน นอกจากนี้ ยังมีโครงการลดหย่อนภาษีตามมาตรการ Easy e-recipet ซึ่ง ครม.ได้อนุมัติไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยมาตรการดังกล่าวกำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการเท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการสำหรับการซื้อสินค้าหรือการรับบริการในราชอาณาจักรให้กับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-15 ก.พ.67 ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินจำนวน 50,000 บาท
นายพรชัยยังเปิดเผยเพิ่มเติมด้วยว่า ครม. ยังมีมติอนุมัติเป้าหมายของนโยบายการเงินประจำปี 67 ซึ่งเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และ รมว.คลัง โดยกำหนดกรอบเงินเฟ้อทั่วไปปี 67 อยู่ในช่วง 1-3% ซึ่งเป็นเป้าหมายของนโยบายการเงินด้านเสถียรภาพราคาสำหรับระยะปานกลาง และใช้เป็นเป้าหมายทางการเงินสำหรับปี 67 โดยเงินเฟ้อไทยระยะต่อไป มีความไม่แน่นอนสูง โดยปี 67 อาจได้รับแรงกดดันจากมาตรการทางเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมถึงราคาอาหารสดที่ได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ.