ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมาเห็นชอบขยายเวลาสิทธิประโยชน์ภาษีสรรพสามิตของรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (อีโคคาร์) โดยให้คงพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตที่อัตรา 14% ออกไปอีก 2 ปี จากเดิมที่มาตรการจะหมดอายุในวันที่ 31 ธ.ค.2566 เป็นหมดอายุวันที่ 31 ธ.ค.2568 ตามที่คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติหรือ “บอร์ดอีวีแห่งชาติ” เสนอจากที่ก่อนหน้านี้จะต้องกลับไปให้อัตราภาษีเดิมที่ 17% ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2567
ทั้งนี้ บอร์ดอีวีแห่งชาติได้มีการหารือเรื่องนี้และมีการพิจารณาผลกระทบในด้านต่างๆทั้งผลดีและผลเสีย โดยให้ข้อมูลกับ ครม.ว่าการขยายระยะเวลามาตรการภาษีอีโคคาร์ออกไปอีก 2 ปี เพื่อให้มีระยะเวลาสิ้นสุดไปพร้อมกันกับรถยนต์อีโคคาร์รุ่นที่ 2 เนื่องจากรถยนต์อีโคคาร์เป็น Product Champion ของไทย โดยมีคุณสมบัติเด่นในด้าน “สะอาด ประหยัด ปลอดภัย” สอดคล้องกับทิศทางและมาตรฐานการพัฒนายานยนต์โลก ซึ่งที่ผ่านมาผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากปัญหาโรคระบาดและการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ กระทบต่อการประกอบกิจการและการปรับเปลี่ยนการผลิตอีโคคาร์ไปสู่รถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน (xEV)
อย่างไรก็ตาม บอร์ดอีวีแห่งชาติมีความเห็นว่าการขยายระยะเวลาลดภาษีสรรพสามิตรถอีโคคาร์ที่ 14% ออกไปอีก 2 ปี นั้นควรเป็นการขยายครั้งสุดท้ายแล้วเพื่อส่งสัญญาณให้มีการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีไปสู่รถอีวีซึ่งประเทศไทยให้การสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีรถยนต์ไปสู่รถอีวีตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้ ที่ประชุม ครม.เห็นชอบและมอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิตรับไปดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบขั้นตอนเพื่อให้การสนับสนุนให้ประเทศไทยมีการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยียานยนต์อย่างราบรื่นและเป็นขั้นตอนต่อไป.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่