บริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LWS) บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คาดการณ์แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ไทย ปี 2567 ว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัย ทำเล กทม.-ปริมณฑล ปีหน้า มีแนวโน้มที่จะเติบโต 5-10% หรือโครงการเปิดใหม่ จำนวน 110,000-115,000 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 4.97-5.2 แสนล้านบาท
ขณะที่การโอนกรรมสิทธิ์มีแนวโน้มใกล้เคียงกับปี 2566 หรือเติบโตไม่เกิน 5% ขึ้นกับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ความสามารถในการก่อหนี้ของผู้ซื้อ และการพิจารณาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของสถาบันการเงิน
ทั้งนี้ หากเศรษฐกิจไทยเติบโตได้ไม่น้อยกว่า 3.5-4% ตามการคาดการณ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมถึง สถานการณ์การส่งออกมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง การลงทุนภาครัฐสามารถดำเนินการได้ตามแผนที่วางไว้ โดยเฉพาะนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต วงเงิน 5 แสนล้านบาท ที่คาดว่าจะดำเนินการได้ภายในไตรมาสสองของปี 2567
ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว การบริโภคภายในประเทศ และการลงทุนของภาคเอกชนยังคงขยายตัวต่อเนื่อง และราคาพลังงานทรงตัวในระดับที่ไม่เกิน 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ระดับไม่เกิน 1.5% จะเป็นตัวขับเคลื่อนภาคอสังหาฯ ให้เติบโตได้ดี
อย่างไรก็ตาม “ประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ” กรรมการผู้จัดการ LWS ยังประเมินว่า ปีหน้า “ราคาที่อยู่อาศัย หรือราคาบ้าน” นั้น มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 5-10% เช่นกัน ผลจากราคาที่ดิน ค่าแรง ราคาวัสดุก่อสร้าง และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยนับเป็นอุปสรรคต่อการโอนกรรมสิทธิ์ให้เติบโตได้ไม่มาก เมื่อเทียบกับปี 2566 ซึ่งเป็นผลมาจากภาระหนี้ครัวเรือนสูง ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Mortgage Loan)
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 นอกจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยแล้ว ยังมีอีก 4 ปัจจัยเสี่ยงที่กระทบโดยตรงต่อภาคอสังหาฯ ได้แก่