ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวปาฐกถาเรื่อง “แนวทางการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน” ในงานพิธีสำเร็จการศึกษาหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงเพื่อรุกตลาดจีน รุ่นที่ 1 China Wealth Institute ที่ห้องประชุม ชั้น 3 True Digital Park ช่วงค่ำวานนี้ (16 ธ.ค. 2566) ว่า ประเทศจีนเป็นหนึ่งในเป้าหมายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก ซึ่งตลาดเอเชียเป็นตลาดศักยภาพที่มีขนาดใหญ่มาก มีประชากรรวมกันมากกว่าครึ่งโลก และไทย-จีน ไม่ใช่อื่นไกลเป็นพี่น้องกัน
ในปี 2565 มูลค่าการค้าระหว่างประเทศไทยกับจีน มีมูลค่าถึง 3.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.53 เมื่อเทียบกับปี 2564 เป็นสัดส่วนร้อยละ 17.86 ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศทั้งหมดของไทย และในปี 2566 กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าส่งออกสินค้าไปยังจีนให้เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 หรือคิดเป็น 1.2 ล้านล้านบาท
ตนให้นโยบายกับกระทรวงพาณิชย์ขยับตัวเลขการส่งออกเปลี่ยนจากลบเป็นบวก ซึ่งให้ความสำคัญกับการส่งเสริม เร่งกระชับความสัมพันธ์การค้าและการลงทุนในหลายมิติ ให้ภาคเอกชนบุกตลาดจีน รัฐบาลพร้อมเป็นรัฐที่สนับสนุนเอกชน ไม่เป็นรัฐอุปสรรค ซึ่งกฎระเบียบ เงื่อนไขต่างๆ รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญ รวมทั้งสร้างความทะเยอทะยาน และคาดหวังในการบุกฝ่าอุปสรรคทางเศรษฐกิจ
ก่อนหน้านี้ตนได้พบกับ นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ท่านบอกว่า วันนี้จีนไม่คิดว่าตนเองเป็นโรงงานของโลก แต่จะวางตัวเป็นตลาดของโลก โอกาสจะเกิดขึ้นกับทุกชาติในโลก ซึ่งตนเร่งกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า และการลงทุนระหว่างไทยกับจีนในหลายมิติ ให้นโยบายยุทธศาสตร์การค้าเชิงรุกรายมณฑล และเข้าร่วมงานแสดงสินค้าสำคัญของจีน ทั้ง China – ASEAN EXPO (CAEXPO) และ China International Import Expo (CIIE)
รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวด้วยว่า ตนขอเป็นสะพานสนับสนุนการเชื่อมโยงการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการไทยและจีน โดยกระทรวงพาณิชย์จะขับเคลื่อนการค้าการลงทุนของไทย ผ่านความตกลงทางการค้าในทุกระดับ ทั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP รวมทั้งสนับสนุนโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative หรือ BRI)
ขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าสู่มณฑล หรือเมืองรองที่มีศักยภาพของจีน ผ่านการจัดทำ MOU ทางการค้าอีก 6 ฉบับ กับเมืองเซี่ยเหมินในมณฑลฝูเจี้ยน เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง มณฑลเจ้อเจียง มณฑลซานซี มณฑลเฮย์หลงเจียง และมณฑลเหอเป่ย เพิ่มเติมจาก 4 ฉบับที่ได้ดำเนินการไปแล้ว กับมณฑลไห่หนาน มณฑลกานซู่ มณฑลยูนนาน และเมืองเซินเจิ้น
ตลอดจนเร่งเชื่อมโยงการเข้าเป็นส่วนร่วมในห่วงโซ่อุปทานในอุตสหากรรมแห่งอนาคตของจีน ซึ่งสอดคล้องกับ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของ EEC ของไทย
โดยจะผลักดันสินค้าและบริการไทยทั้งแบบออฟไลน์-ออนไลน์ และจะร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ โดยมุ่งเป้ารุกตลาดจีน ด้านอาหาร ผ่านร้านอาหารไทย Thai SELECT ซึ่งเป็นช่องทางจัดแสดงและสร้างการรับรู้ความเป็นไทย
พร้อมกันนี้ยังได้จัดทีมพาณิชย์ ตั้งคณะอนุกรรมการเร่งขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ เช่น คณะอนุกรรมการส่งเสริมและขับเคลื่อนการค้าและเศรษฐกิจเชิงรุกไทย-จีน อาเซียน คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการทำงานเพื่อบูรณาการตามยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายโลจิสติกส์ทางการค้า คณะอนุกรรมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ Big Data และอินฟลูเอนเซอร์เพื่อการค้า เป็นต้น
ปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์มีสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศในจีน จำนวน 9 แห่ง ได้แก่ เฉิงตู คุนหมิง หนานหนิง กวางโจว เซี่ยเหมิน เซี่ยงไฮ้ ชิงต่าว ฮ่องกง และไต้หวัน รวมทั้งสำนักงานพาณิชย์ ณ กรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญแลกเปลี่ยนข้อมูลทางเศรษฐกิจ นโยบายรัฐ ทั้งการค้าการลงทุน กฎระเบียบการนำเข้า มาตรการที่เกี่ยวข้อง พฤติกรรมและความต้องการผู้บริโภค ตลอดจนการพัฒนาด้านเศรษฐกิจสมัยใหม่ ทั้งอุตสาหกรรมดิจิทัลและอุตสาหกรรมสีเขียว
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุเพิ่มเติมว่า ตนได้ให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศทั้ง 9 แห่ง ได้ผนึกกำลังกับพาณิชย์จังหวัดทำงานเชิงรุก และบูรณาการให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น เชื่อมโยงสินค้าจากท้องถิ่นไทยสู่ตลาดจีน เป็นทัพหน้าของกระทรวงพาณิชย์ในต่างแดน ทำงานกับเอกอัครราชทูตไทย และตัวแทนสำนักงานบีโอไอในต่างประเทศ ผลักดันการค้า และขยายการลงทุน ตามนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุกของนายกรัฐมนตรี
“การทำธุรกิจต้องเปลี่ยนแปลงให้ทันโลก ถ้าไม่เปลี่ยนวันหนึ่งต้องถูกบังคับให้เปลี่ยน ถ้าเปลี่ยนก่อนจะได้เปรียบ เชื่อว่าการดำเนินการของรัฐบาลนี้ รวมทั้งกระทรวงพาณิชย์ภายใต้การดูแลของตน ตลอดจนการศึกษาตลาดจีนอย่างรอบด้านภายใต้หลักสูตรนี้ จะทำให้ทุกท่านมีความรู้ มีช่องทางในการเข้าไปทำธุรกิจในจีน กระทรวงพาณิชย์ และรัฐบาล รวมถึงกระทรวงต่างประเทศ สำนักงานส่งเสริมการลงทุน พร้อมสนับสนุนเอกชนในการบุกทำการค้าในตลาดจีน” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงานมี หาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย, ธนากร เสรีบุรี นายกสมาคมส่งเสริมการลงทุนและการค้าไทย-จีน และรองประธานกรรมการอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร ผู้อำนวยการร่วมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงเพื่อรุกตลาดจีน รุ่นที่ 1 ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา และรองคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน และอุปนายกและเลขาธิการสมาคมส่งเสริมการลงทุนและการค้าไทยในจีน ร่วมด้วย
โดยหลักสูตร China Wealth เป็นหลักสูตรที่มุ่งเน้นติดอาวุธให้กับนักธุรกิจ และผู้บริหารระดับสูงขององค์กร ในการเข้าบุกตลาดจีน หรือทำการส่งออก-นำเข้าสินค้าจากจีน บ่มเพาะทักษะการทำธุรกิจกับจีนอย่างรอบด้าน ผ่านนักวิชาการชั้นนำของประเทศ การถ่ายทอดประสบการณ์โดยวิทยากรผู้ประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจในจีน รวมถึงการ Workshop ด้วย.
ติดตามข่าวสารอัปเดต เศรษฐกิจ เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจในประเทศ บทวิเคราะห์เศรษฐกิจ ล่าสุด ได้ที่นี่
ข่าวเศรษฐกิจ : https://www.thairath.co.th/money/economics
เศรษฐกิจในประเทศ : https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
เศรษฐกิจโลก : https://www.thairath.co.th/money/economics/world_econ