ธนาคารโลก ชี้ไทยเปราะบาง เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าสุดในอาเซียน แนะปฏิรูปการคลังคนเร่งด่วน

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ธนาคารโลก ชี้ไทยเปราะบาง เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าสุดในอาเซียน แนะปฏิรูปการคลังคนเร่งด่วน

Date Time: 15 ธ.ค. 2566 11:20 น.

Video

“ไทยรัฐ โลจิสติคส์” ถอดคราบ “ยักษ์เขียว” มุ่งสู่ขนส่งครบวงจร | Thairath Money Talk

Summary

  • ธนาคารโลก (World Bank) ชี้ เศรษฐกิจไทยเปราะบาง พึ่งพาการท่องเที่ยวหนัก นำเข้าพลังงานสูง กดดันฟื้นตัวช้าสุดในอาเซียน แนะเร่งปฏิรูปนโยบายการคลัง เพิ่มการลงทุนทรัพยากรคน พลิกเศรษฐกิจโต

Latest


ธนาคารโลก (World Bank) เปิดตัวรายงานตามติดเศรษฐกิจไทย ประจำเดือนธันวาคม 2566 Thailand Economic Monitor December 2023 โดยมี ดร.เกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำประเทศไทย ธนาคารโลก นำเสนอเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจไทย: แนวทางในการฟื้นตัว ท่ามกลางความท้าทายทั่วโลก

โดนมีประเด็นที่น่าติดตามดังนี้

ไทยเปราะบาง ฟื้นตัวช้าสุดในอาเซียน

เมื่อเปรียบเทียบการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) หลังช่วงโควิด-19 ของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน พบว่า ประเทศไทยมีการเติบโตของ GDP ต่ำที่สุดในอาเซียน โดยมีช่องว่างการเติบโตระหว่างเศรษฐกิจไทยและอาเซียนอยู่ที่ประมาณ 7-10% สะท้อนถึงการฟื้นตัวที่ช้ากว่าประเทศอื่นในภูมิภาค ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจโลก และส่งผลบวกกับบางประเทศในภูมิภาค

เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย ที่ได้รับอานิสงส์จากสินค้าโภคภัณฑ์ที่ราคาสูงขึ้น
เวียดนามที่ได้รับอานิสงส์ จาก Global Value chain รวมถึงอุปสงค์ภายในประเทศที่เติบโตขึ้นในฟิลิปปินส์

ในขณะที่ไทยมีความเปราะบางเชิงโครงสร้าง เพราะพึ่งพารายได้จากภาคการท่องเที่ยวสูง โดยคิดเป็นสัดส่วน 13% ต่อ GDP และมีการนำเข้าพลังงานสูงที่สุดในอาเซียน คิดเป็นสัดส่วน 7% ของ GDP


ปฏิรูปนโยบายคลัง ดันเศรษฐกิจโต


ไทยมีความยั่งยืนทางการคลังสูงเมื่อเทียบกับประเทศอาเซียน ทั้งนี้ต้องจัดลำดับความสำคัญว่าจะใช้พื้นที่ทางการคลังให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร โดยธนาคารโลกได้ประมาณการหนี้สาธารณะ แบ่งออกเป็น 4 กรณี

  1. กรณีที่หนึ่ง ไม่ปฏิรูปนโยบายการคลัง ในระยะยาวแม้ประเทศไทยจะมีความยั่งยืนทางการคลัง โดยหนี้สาธารณะจะอยู่ที่ 60% ของ GDP แต่เศรษฐกิจจะไม่เติบโต และจะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 3%
  2. กรณีที่สอง เพิ่มรายจ่ายใช้นโยบายการคลังดูแลภาคสังคม และลงทุนการศึกษาอย่างเต็มที่ก็จะส่งผลให้หนี้สาธารณะสูงถึง 100% และไม่มีเสถียรภาพทางการคลัง
  3. กรณีที่สาม ดำเนินนโนยายที่เจาะจงเป้าหมายมากขึ้น (targeted spending) ทำให้รายได้หรือโครงการมีประสิทธิภาพมากขึ้น กระจายไปสู่ผู้ที่มีความต้องการอย่างแท้จริงที่อยู่ใต้เส้นความยากจนที่จะได้รับสิทธิ แต่หนี้สาธารณะก็ยังอยู่ในระดับค่อนข้างสูง แต่ต่ำกว่าระดับ 100%
  4. กรณีที่สี่ ปฏิรูปรายจ่ายและรายได้ใช้เงินดูแลภาคสังคม ลงทุนในมนุษย์และสิ่งแวดล้อม รวมถึงเพิ่มรายได้จากการจัดเก็บภาษี จะสามารถเพิ่มพื้นที่ทางการคลังและช่วยให้หนี้สาธารณะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 40%


ไทยอีก 20 ปี ยังโตต่ำกว่าศักยภาพ

ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยมีการเติบโตที่ต่ำกว่าศักยภาพ เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด
ปัจจุบัน World Bank ได้ปรับประมาณการการเติบโตตามศักยภาพ (potential growth) ของเศรษฐกิจไทยอยู่ที่ 3% ซึ่งอยู่ใต้ potential growth ก่อนโควิด ซึ่งการจะทำให้การเติบโตกลับไปสู่ระดับเดิม จะต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้มีการแข่งขันมากขึ้นด้วยเทคโนโลยี เน้นการลงทุนในทุนมนุษย์ เพิ่มผลิตภาพเศรษฐกิจ รวมถึงส่งเสริมให้มีการเปิดเสรีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI ในอุตสาหกรรมที่มีนวัตกรรมใหม่ เพราะอุตสาหกรรมการผลิตส่วนใหญ่ยังพึ่งพาภาคบริการ


ทั้งนี้แนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจไทยในระยะยาว World Bank มองว่า ในอีก 20 ปีข้างหน้า ศักยภาพการเติบโต GDP ไทยคาดว่าจะยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ +-3% เป็นผลมาจากการเข้าสู่สังคมสูงอายุค่อนข้างเร็ว สัดส่วนแรงงานวัยหนุ่มสาวน้อยลง ทำให้ผลิตภาพของประเทศลดลง เมื่อเทียบศักยภาพการเติบโตของอาเซียนอยู่ที่ระดับ 4.8% หากไม่มีการปฏิรูปเศรษฐกิจ


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ