สนค.แนะเร่งแก้คอร์รัปชันหนุนลงทุน เพื่อความน่าเชื่อถือของประเทศ

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) ได้เผยแพร่รายงานดัชนีการรับรู้การทุจริตปี 2565 โดยจัดให้ไทยอยู่ในอันดับที่ 101 ของโลก จากทั้งหมด 180 ประเทศ และเป็นอันดับที่ 4 ของอาเซียน ตามหลังสิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม แม้ว่าคะแนนสูงขึ้นจากปีก่อนหน้า แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ สะท้อนว่าความรุนแรงของการทุจริตคอร์รัปชันในไทยต้องเร่งแก้ไข เพราะลดทอนความน่าเชื่อถือของประเทศ

สาเหตุสำคัญของการทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทยเกิดจาก 1.ผู้ให้ ซึ่งอาจเป็นผู้ส่งเสริมให้เกิดการคอร์รัปชันโดยไม่รู้ตัว โดยมีหลายกรณีที่ผู้ให้เสนอสินบนให้เจ้าหน้าที่เพื่อแลกกับผลประโยชน์ การอำนวยความสะดวก การยกเว้นการลงโทษ หรือเพื่อให้สามารถผ่านเกณฑ์มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด

2.ผู้รับ มีอำนาจในการใช้ดุลพินิจในกิจกรรมหลายอย่างมากเกินไป เช่น การออกใบอนุญาต การจัดซื้อจัดจ้าง การบริหารเงินงบประมาณ การใช้ดุลพินิจเพื่อตรวจสอบประเมินการดำเนินงานตามเกณฑ์ที่กำหนด

3.ผู้ตรวจสอบการทุจริต ยังไม่รู้เท่าทันวิธีการทุจริตที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือการตรวจสอบเกิดขึ้นช้าเกินไปจนเกิดความเสียหายขึ้นมากแล้วจึงค่อยตรวจพบความผิดปกติ ซึ่งอาจทำให้ความเสียหายขยายวงกว้าง มีผู้ได้รับผลกระทบจำนวนมาก และ

4. ผู้มีอิทธิพล มีผลต่อการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่รัฐในการเข้าตรวจสอบและดำเนินการในทางกฎหมายกับบุคคลหรือธุรกิจที่มีผู้มีอิทธิพลให้การคุ้มครอง

ทั้งนี้ การทุจริตในไทยส่งผลให้รัฐสูญเสียงบประมาณที่จะนำไปใช้งานด้านอื่นที่มีความสำคัญทำให้เกิดค่าเสียโอกาสทางเศรษฐกิจจากการไม่ได้ลงทุนโครงการที่เหมาะสมในระยะเวลาที่กำหนด และทำให้การพัฒนาของไทยช้ากว่าประเทศอื่น, ได้สินค้าและบริการที่ไม่ได้คุณภาพและมาตรฐาน กระทบต่อความน่าเชื่อถือ, นักลงทุนต่างชาติจะมองว่าการลงทุนในไทย
มีต้นทุนแฝงจากการคอร์รัปชัน และอาจมองข้ามไทยเพื่อไปลงทุนในประเทศที่มีความโปร่งใสในการตรวจสอบการทุจริตได้ดีกว่า.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่