ย้อนไปเมื่อ 50 ปีที่แล้ว โรงแรมดุสิตธานี บนทำเลหัวมุมถนนสีลม ตัดถนนพระราม 4 ถูกขนานนามว่าเป็นตึกที่มีความสูงที่สุดในประเทศไทย ด้วยเสายอดชฎาสีทองที่ประดับอยู่ส่วนบนสุด และได้กลายเป็นเอกลักษณ์ที่แขกไปใครมา โดยเฉพาะในหมู่ชาวต่างชาติต่างคุ้นตา และเป็นภาพจำกันดี เมื่อเอ่ยถึงคำว่า “ประเทศไทย”
ตัดภาพมาวันนี้ ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้งอย่าง “ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย” ที่มองการณ์ไกลไว้ขาด หลังจากเชื่อว่าในอนาคต “กรุงเทพฯ” จะเป็นเดสติเนชั่นของนักท่องเที่ยวทั่วโลก นำมาซึ่งการสร้าง โรงแรมดุสิตธานี ในความทรงจำของใครหลายๆ คน เมื่อปี 2531 เป็นจริงดั่งว่า
เพราะวันนี้นอกจากกรุงเทพฯ จะเป็นที่หมายตาของนักท่องเที่ยวทั่วโลกแล้ว ทำเลสีลมที่ตั้งของโรงแรมยังกลายเป็น Super CBD ที่มีความสำคัญในแง่ธุรกิจ และราคาที่ดิน แพงไม่ต่างจาก “ทองคำ” อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การคงไว้ซึ่ง โรงแรมดุสิตธานี หนึ่งเดียวบนที่ดินที่มีมูลค่ามหาศาล อาจไม่ตอบโจทย์กับยุคสมัยที่เปลี่ยนไปมากนั้น ทำให้ 5 ปีก่อนหน้าเจ้าของโรงแรมตัดสินใจปิดตำนานโรงแรมแห่งนี้ พนักงานโรงแรมพากันส่งแขกที่เข้าพักในวันสุดท้าย เมื่อ 5 มกราคม ปี 2562 เพื่อเตรียมเปิดตำนานบทใหม่ที่น่าจับตามองอีกครั้งในชื่อ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” ด้วยมูลค่าโครงการที่สูงถึง 4.6 หมื่นล้านบาท ในรูปแบบ มิกซ์ยูสชั้นนำ บนที่ดินผืนประวัติศาสตร์ และทำเลศักยภาพใจกลางเมืองขนาด 23 ไร่
ซึ่งประกอบไปด้วย 4 ส่วนหลักๆ ได้แก่
ล่าสุด บริษัท วิมานสุริยา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง กลุ่มดุสิตธานี และ กลุ่มเซ็นทรัล ได้ออกมาอัปเดตความคืบหน้าของโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ว่าขณะนี้การก่อสร้างคืบหน้าไปมาก และเตรียมจะเปิดให้บริการเฟสแรกในส่วนที่เป็นโรงแรมดุสิตธานีโฉมใหม่ หรือ Dusit Thani Bangkok
“ละเอียด โควาวิสารัช” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิมานสุริยา จำกัด ในนามผู้พัฒนาโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค เผยว่า ตลอดการพัฒนาโครงการดุสิต เซ็นทรัลพาร์ค เต็มไปด้วยความตื่นเต้น และท้าทายทุกส่วนประกอบ เนื่องด้วยผืนที่ดินแห่งนี้ เป็นตำนานที่อยู่คู่กับชาวกรุงเทพฯ มานานกว่า 70 ปี เป็นทำเลที่ดีที่สุด ซึ่งการก่อสร้างเริ่มในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้มีอุปสรรค ข้อจำกัดเกิดขึ้น รวมถึงการขุดชั้นใต้ดินส่วนหัวมุมถนน ที่ต้องเป็นไปอย่างระมัดระวังมากที่สุด
แต่ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ และความเชี่ยวชาญของ 2 กลุ่มทุน ทำให้การก่อสร้างโครงการมีความคืบหน้าอย่างดี และเตรียมสร้างตำนานบทใหม่ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยอีกครั้ง
โดยในส่วนแรกที่จะเปิดให้บริการนั้นคือ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดของโครงการ ทั้งนี้บริษัทได้คงไว้ซึ่งมรดกของความเป็นเอกลักษณ์แห่งโรงแรมดุสิตธานี มาผนวกและประยุกต์เข้ากับดีไซน์ที่ทันสมัย เพื่อตอกย้ำความหรูหราอันสง่างามที่อยู่คู่โรงแรมดุสิตธานีมาตั้งแต่ปี 2513
เช่น การนำ ยอดแหลมสีทอง ที่เป็นเอกลักษณ์ของความเป็นโรงแรมดุสิตธานีเดิมกลับมาสู่ยอดของโรงแรมดุสิตธานีแห่งใหม่อีกครั้ง โดยจะมีการเสริมเสายอดโปร่งใส ครอบไว้อีกชั้น ให้มีขนาดเหมาะสมกับความสูงของตึกที่ถูกพัฒนามาใหม่ และสูงมากกว่าเดิมนับเท่าตัว ขณะยามค่ำยังจะเห็นไฟที่สะท้อนออกมาเหมือนเก่า
รวมไปถึงเอกลักษณ์อื่นๆ ของโรงแรมดุสิตธานีก็ยังคงไว้ ไม่ว่าจะเป็น ห้องสมุด /ต้นไม้เก่าของโรงแรม, น้ำตกประดับ, ล็อบบี้ที่มีเอกลักษณ์ส่วนตัวของดุสิต และห้องพักสวีต บนชั้นบนสุดใน layout เดิม และเห็นวิวสวนลุมพินี
“Dusit Central Park เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างนิยามใหม่ ที่จะเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพฯ ผสมผสานมรดกทางวัฒนธรรมเข้ากับนวัตกรรมได้อย่างลงตัว ท่ามกลางเรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของกรุงเทพฯ”
“Dusit Central Park ไม่เพียงแต่จะเป็นโครงการแบบมิกซ์ยูสเท่านั้น แต่เราจะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ณ ตำแหน่งที่ตั้งประวัติศาสตร์ อันเป็นจุดตัดระหว่างความคึกคักของเมือง และพื้นที่สีเขียวของสวนลุมพินี ด้วยการพัฒนาโครงการแบบผสมผสานที่ไม่เหมือนใคร เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่อีกด้วย”
อีกข้อมูลที่น่าสนใจของโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค คือ การที่ผู้บริหารเผยว่า ขณะนี้ ในส่วนที่เป็นโครงการที่อยู่อาศัย หรือ เรสซิเดนซ์ 2 โครงการนั้นมียอดขายแล้ว 80% แสดงให้เห็นการยอมรับของตลาด จากการขายยูนิตจำนวนกว่า 300 ห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้จะมีราคาขายสูงมากกว่า 4 แสนบาทต่อตารางเมตร
โดยปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวไทย โดยคิดเป็นสัดส่วนลูกค้าชาวไทย 75% และชาวต่างชาติ 25% อย่างไรก็ตามด้วยเครือข่ายที่แข็งแกร่ง และการคลี่คลายของสถานการณ์โควิด Dusit Central Park มั่นใจว่าจะสามารถดึงดูดผู้ซื้อชั้นนำจากต่างประเทศได้มากขึ้นในอนาคต ซึ่งโครงการที่อยู่อาศัยจะมีก่อสร้าง และส่งมอบให้กับลูกค้าได้ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งเร็วๆ นี้จะมีการเปิดตัวของห้อง Penthouse (เพนต์เฮาส์) ที่โชว์รูมโครงการ
สรุป การเปิดตัวโครงการ Dusit Central Park ทั้ง 4 ส่วนจะแบ่งออกเป็น
นอกจากนี้ ทั้งโครงการจะมีส่วนที่เรียกว่า Roof Park (รูฟ พาร์ค) สวนสาธารณะลอยฟ้าขนาด 7 ไร่ ที่ถูกออกแบบให้เป็นโอเอซิสสีเขียวขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อทั้ง 4 โครงการ ภายใต้ Dusit Central Park ที่มีทั้งอัฒจันทร์ ลู่วิ่ง และฟาร์มปลูกผักใจกลางเมือง (urban farm) ซึ่งบางส่วนจะเปิดให้สาธารณะเข้ามาใช้พื้นที่ได้ด้วยเช่นกัน.