นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ หรือจีไอที เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทยเดือน ต.ค. ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ส่วนหนึ่งเพราะความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้น รองรับช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ และมาจากสินค้าไทยยังเป็นที่ต้องการของตลาด เพราะมีการนำเทรนด์ที่กำลังเป็นกระแส หรือที่สามารถหลอมรวมเข้ากับสินค้า มาทำเป็นสินค้าในไลน์ใหม่ๆ ทำให้ขยายฐานผู้บริโภคได้เพิ่มขึ้น
กรณีดังกล่าว เช่น สินค้า Art Toy ที่ผสมเข้ากับความศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ออกมาเป็นคอลเลกชันเฉพาะให้ทั้งสายมูเตลู และผู้ชื่นชอบ Art Toy ได้สะสม เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างเสริมความน่าสนใจได้ ขณะที่การนำ Art Toy มาผสมผสานเป็นเครื่องประดับชาร์ม หรือจี้ประดับ มีตัวอย่างที่น่าสนใจอย่างแบรนด์ Ravipa ที่ประสบความสำเร็จ กระทั่งขึ้นชื่อว่าเป็น เครื่องประดับสายมูสุดปังที่ติดตลาด แต่ต้องไม่ลืมว่าเทรนด์ใหม่ๆ ในปัจจุบันเกิดขึ้นตลอดเวลา จึงต้องเลือกจับคู่ให้เข้ากับสินค้าแต่ละแบบทั้ง Mass Market หรือ Unique Market
“การส่งออกเดือน ต.ค. หากรวมทองคำ มีมูลค่าสูงถึง 1,576 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 30% เทียบเดือน ต.ค.2565 เพราะมีการส่งออกทองคำไปเก็งกำไร จากราคาที่สูงขึ้น แต่ถ้าไม่รวมทองคำ มีมูลค่า 748 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 8% ฟื้นตัวต่อเนื่อง 2 เดือน ส่วน 10 เดือนแรก ปีนี้ การส่งออก รวมทองคำ 12,705 ล้านเหรียญฯ ลดลง 6% ตลาดส่งออกสำคัญๆ มีทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง โดยฮ่องกง เพิ่ม 185% อิตาลี เพิ่ม 37% สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพิ่ม 6% ส่วนสหรัฐฯ ลด 11% อินเดีย ลด 51% เยอรมนี ลด 15% สหราชอาณาจักร ลด 4%.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่