นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) เปิดเผยแนวโน้มการจ้างงานใหม่ปี 67 ว่า ยังคงมีความเปราะบางตามทิศทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวค่อนข้างช้าตามทิศทางเศรษฐกิจโลก โดยการจ้างงานเพิ่มยังกระจุกตัวในกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มขยายตัวสูง คืออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม อุตสาหกรรมพลังงาน อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ขณะที่ภาพรวมตลาดแรงงานไทยยังเผชิญกับการขาดแรงงานทักษะฝีมือ รวมถึงแรงงานระดับล่างที่ยังจำเป็นต้องพึ่งพาแรงงานต่างด้าว “การจ้างงานจะสัมพันธ์กับเศรษฐกิจ ปีหน้าคาดว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นจากปีนี้ ที่คาดว่าจะโตเพียง 2-2.5% แต่มีความเปราะบางสูง ทำให้ตลาดแรงงานทรงตัว การจ้างงานเพิ่มตามกลุ่มธุรกิจและการลงทุนเอกชน”
ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจากอัตราการใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน 6 ล้านคนเฉลี่ยอยู่ที่ไม่เกิน 64% สะท้อนว่าการผลิตสินค้ายังชะลอตัว ดังนั้น ปีหน้าแรงงานจะได้อานิสงส์จากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ที่จะให้มีผลบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค.67 ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่ได้คัดค้าน แต่ขอให้ยึดตามกลไกไตรภาคี และไม่เห็นด้วยกับเป้าหมายที่จะปรับขึ้นเป็น 400 บาท/วัน เพราะสูงเกินไปและถือเป็นการแทรกแซง ซึ่งล่าสุดจะปรับให้อิงตามอัตราเงินเฟ้อปีนี้ แต่ฝ่ายลูกจ้างยังไม่เห็นด้วยจึงต้องมาสรุปกันอีกครั้ง แต่ตนในฐานะนายจ้างยอมรับได้หากจะขึ้น 5-6% และแต่ละพื้นที่ก็ไม่เท่ากัน ขณะที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ระบุว่าหากมีการแทรกแซงทำให้ค่าจ้างขึ้นเกินความเหมาะสมย่อมกระทบนายจ้างโดยเฉพาะเอสเอ็มอี สุดท้ายจะย้อนกลับมาที่ราคาสินค้าซึ่งจะกลับมากระทบแรงงานอยู่ดี.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่