“พีระพันธุ์” สั่งตรึงราคาแอลพีจี 3 เดือน ราคาขายปลีกที่ 423 บาท

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติเห็นชอบให้คงราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ที่ 20.91 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เพื่อให้ราคาขายปลีกอยู่ที่ 423 บาทต่อถัง 15 กก. ต่ออีก 3 เดือน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค.2567

“แม้ว่าการตรึงราคาดังกล่าวจะทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันในส่วนของบัญชีแอลพีจีติดลบเพิ่มขึ้น 2,000 ล้านบาท ส่งผลให้ปัจจุบันการติดลบสุทธิอยู่ที่ 47,764 ล้านบาท ณ วันที่ 31 มี.ค.2567 ขณะเดียวกันกระทรวงพลังงานได้ติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ก็จะเร่งบริหารจัดการสถานการณ์พลังงานโดยด่วนเพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน และเพื่อให้ประชาชนได้ใช้พลังงานในราคาที่เหมาะสม เป็นธรรม และยั่งยืนต่อไป”

ด้านนายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า ปี 2567 สนค.คาดการณ์แนวโน้มเงินเฟ้อทั่วไปของไทยขยายตัวระหว่าง ลบ 0.3% ถึงบวก 1.7% มีค่ากลางอยู่ที่บวก 0.7% ชะลอลงจากปี 2566 ที่คาดขยายตัว 1.0-1.7% ค่ากลาง 1.35% โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้เงินเฟ้อชะลอลงมาจากมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐที่คาดจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง, แนวโน้มการปรับขึ้นราคาสินค้าสำคัญค่อนข้างจำกัด, เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว ทั้งเศรษฐกิจสหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่น และหนี้ครัวเรือนไทยอยู่ในระดับสูงที่กดดันการบริโภคของประชาชนบางกลุ่ม

แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น เช่น ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากการปรับค่าแรงขั้นต่ำ และอัตราดอกเบี้ยสูง, เศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากปี 2566, การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการของรัฐ รวมถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์, ค่าเงินบาทที่ผันผวน และมาตรการรัฐที่ส่งผลต่อราคาอาจมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งนี้ คาดการณ์เงินเฟ้อปี 2567 ได้รวมผลกระทบจากนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลที่คาดจะมีผลให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นประมาณ 0.2%.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่