เดินหน้าแก้หนี้ข้าราชการทั่วไทย ผ่อนได้ถึงอายุ 75 ปี

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

เดินหน้าแก้หนี้ข้าราชการทั่วไทย ผ่อนได้ถึงอายุ 75 ปี

Date Time: 1 ธ.ค. 2566 07:11 น.

Summary

  • รัฐบาลเคาะแก้หนี้ข้าราชการ 3 ล้านคน หักหนี้แล้วต้องเหลือเงินเดือนไม่ต่ำกว่า 30% ให้ขยายงวดชำระหนี้ถึงอายุ 75 ปี ดีเดย์เริ่ม ม.ค.67 “กิตติรัตน์” ขอเวลาหาวิธีปรับลดดอกเบี้ยบัตรเครดิต ต่ำกว่า 18%

Latest

รู้จัก “หวย N3” คู่แข่งหวยใต้ดิน ความหวังใหม่รัฐบาล  ต้อนเงินเข้าระบบ 1 แสนล้านบาท เริ่มขาย 17 ต.ค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย โดยภายหลังการประชุมได้มีการแถลงข่าวร่วมกัน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินกลุ่มข้าราชการทั่วประเทศกว่า 3 ล้านคน โดยคาดว่าจะเริ่มตั้งแต่เดือน ม.ค.2567 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ในรายละเอียดของการแก้ปัญหาหนี้ครั้งนี้ คณะกรรมการตั้งเป้าหมายการช่วยเหลือข้าราชการทั้งระบบ เช่น ข้าราชการตำรวจ ครู สาธารณสุขให้ มีเงิน เดือนเมื่อถูกตัดยอดหนี้แล้วต้องไม่ต่ำกว่า 30% เพราะที่ผ่านมาพบปัญหาว่า ข้าราชการส่วนใหญ่ที่มีหนี้สินจากการกู้เงินสินเชื่อสวัสดิการ เมื่อได้รับเงินเดือนแล้วจะถูกหักยอดหนี้จนเหลือเงินใช้ในแต่ละเดือนไม่ถึง 30% ของเงินเดือนที่ได้รับทั้งหมด

“หลังจากมีการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับข้าราชการที่มีภาระหนี้ลง เพื่อให้แต่ละเดือนข้าราชการจะได้มีเงินเหลือมากขึ้นเมื่อถูกหักหนี้ไปแล้ว คาดว่าเมื่อเริ่มดำเนินการแล้วจะทำให้ข้าราชการ 1 ใน 3 สามารถปลดหนี้ได้ พร้อมทั้งขยายงวดชำระต้นเงินกู้ของข้าราชการให้มากขึ้น โดยให้สามารถผ่อนชำระได้จนถึงอายุ 75 ปี”

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า หากข้าราชการรายใดที่ได้รับการช่วยเหลือแล้ว ยังประสบปัญหามีเงินในบัญชีเหลือไม่ถึง 30% ของเงินเดือน รัฐบาลจะหาทางช่วยเหลือผ่านการหาแหล่งเงินกู้พิเศษกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐให้ และหากรายใดที่เจอผลกระทบหนักกว่านั้น รัฐบาลจะพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือเป็นการเฉพาะแบบรายๆ ไป โดยในแนวทางการช่วยเหลือทั้งหมด จะเริ่มต้นดำเนินการได้ภายในเดือน ม.ค.2567 นี้ ขณะเดียวกันรัฐบาลจะประสานงานไปยังกรมบัญชีกลาง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นต้นทางของการจ่ายเงินเดือนของข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อพิจารณาหลักเกณฑ์ในการช่วยเหลือให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลด้วย

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบัน ข้าราชการทั่วประเทศที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ ซึ่งอยู่ในระบบเงินกู้สวัสดิการ มียอดรวมกว่า 3 ล้านคน ส่วนใหญ่อยู่ที่กระทรวงศึกษาธิการ และเป็นข้าราชการครู กว่า 800,000 คน รองลงมาคือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 230,000 คน และกระทรวงสาธารณสุข 200,000 คน ที่เหลือจะลดหลั่นลงไป โดยรัฐบาลมีหลักการจะเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาทั้งหมด

ส่วนการแก้ไขปัญหาหนี้บัตรเครดิตซึ่งเป็นหนี้ในระบบ ที่มีเก็บดอกเบี้ย 18% ต่อปี ขณะที่นายกรัฐมนตรีระบุในการแถลงข่าวแก้หนี้นอกระบบให้เก็บดอกเบี้ยในอัตราที่ไม่เกิน 15% ต่อปี นายกิตติรัตน์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เรื่องบัตรเครดิตอัตราดอกเบี้ยตามข้อตกลงเดิมบวกกับเบี้ยปรับในรายการผิดชำระ ตรงนี้มีการอ้างอิงประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ทำได้ไม่เกิน 3% ฉะนั้น การประชุมแก้ไขหนี้ในส่วนที่เหลือ ขอพิจารณาแนวทางให้รอบคอบเพื่อพร้อมเสนอนายกฯ ที่จะแถลงในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ เมื่อถามย้ำว่า มีแนวโน้มที่จะเก็บดอกเบี้ยบัตรเครดิต 15% หรือไม่ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ก็มีแนวโน้ม

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงในวันนี้คือหนี้ที่มีคำพิพากษาทางแพ่งส่งไปที่กรมบังคับคดี รวม 16 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้มีหนี้ของสถาบันการเงินเป็นส่วนใหญ่ ตามมาด้วยหนี้ กยศ. นอกจากนี้ หนี้บัตรเครดิต ซึ่งปกติมีอายุความ 2 ปี แต่ในกฎหมายแพ่งเขียนเงื่อนไขการยกอายุความ ต้องให้ลูกหนี้เป็นคนยก ไม่ใช่เจ้าหนี้ หากลูกหนี้ไม่ยกในวันฟ้อง หรือวันที่มาต่อสู้คดี ลูกหนี้ก็ไม่สามารถเอาสถานะเรื่องของอายุความมาใช้ได้ จึงทำให้ถูกฟ้องเรื่องบัตรเครดิตลุกลามไปถึงการยึดบ้าน ดังนั้น วันนี้ต้องทำให้ประชาชนทุกคนรู้ถึงสิทธิของตัวเองว่าหากใครเป็นหนี้บัตรเครดิต ต้องตรวจดูว่า หากเกิน 2 ปี ลูกหนี้ต้องเขียนคำร้อง ซึ่งจะช่วยบรรเทาลูกหนี้ ส่วนเจ้าหนี้ก็เมื่อได้เปรียบทางช่องกฎหมาย ก็ควรจะบอกลูกหนี้ ส่วนหนี้นอกระบบได้สั่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษร่วมกับตำรวจสอบสวน สืบสวนเครือข่ายเพื่อแก้ปัญหาลูกหนี้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งการทำเป็นคดีพิเศษจะมีโทษอั้งยี่ด้วย.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ