นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมหารือเรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหารถบรรทุกน้ำหนักเกิน ว่า จากข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบพบว่ามีรถบรรทุกน้ำหนักเกินจริง และมีข้อบกพร่องในโครงสร้างและกระบวนการในการบังคับใช้กฎหมาย ดังนั้น จึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการร่วมกัน โดยจะเร่งผลักดันการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินงาน รวมถึงเร่งปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการแก้ไขบทเปรียบเทียบปรับผู้กระทำผิด จากเดิมหากบรรทุกเกินจะถูกปรับไม่เกิน 10,000 บาท จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำและปรับ จะแก้กฎหมายมีโทษปรับเป็นขั้นบันไดตั้งแต่ 10,000-200,000 บาท ส่วนขั้นตอนกระบวนการแก้กฎหมายรอเสนอสภาผู้แทนราษฎร ก่อนจะประกาศกระทรวง คาดว่าจะมีผลบังคับภายใน 1 ปี
นอกจากนั้น ในส่วนของรถบรรทุกที่วิ่งเข้าในเขต กทม.และปริมณฑล ที่มีหลายฝ่ายสังเกตว่าวิ่งเข้ามาก และเกือบทุกช่วงเวลานั้น ในเรื่องนี้ กฎหมายกำหนดเวลาเข้าออกของรถบรรทุกยังมีอยู่ แต่ตาม พ.ร.บ.ทางหลวงฯไม่ได้ให้อำนาจจราจรใน กทม.จับปรับรถบรรทุกที่น้ำหนักเกินจะมีอำนาจจับแค่รถเข้าออก กทม.นอกเวลากำหนด ดังนั้น ตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่มีอำนาจในการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่พนักงานให้มีอำนาจในการจับกุม จะลงนามในการแต่งตั้งเจ้าพนักงานตำรวจจราจรให้มีอำนาจจับกุม โดยจะส่งเรื่องไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช.
“ยืนยันว่าในยุคที่ผมดำรงตำแหน่ง รมว.คมนาคม จะไม่มีเรื่องส่วยทางหลวงอย่างเด็ดขาด หากมีการนำเทคโนโลยี และแก้ไขกฎหมายเรื่องบทเปรียบเทียบปรับสูงขึ้น มั่นใจว่าจะไม่มีผู้ประกอบการรายใดที่จะกล้ากระทำความผิด เพราะไม่คุ้มที่จะเสียเงินจำนวนมาก”.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่