นายนราธิป อนันตสุข หัวหน้าสำนักงานสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 พ.ย.2566 ตัวแทนจากสมาคมชาวไร่อ้อยทั่วประเทศ 200 คน จะเดินทางเข้าพบนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม ในช่วงเช้า และช่วงบ่ายจะขอเข้าพบนายภูมิธรรม เวชยชัย รมว.พาณิชย์ เพื่อขอบคุณที่ได้ร่วมกันช่วยเหลือชาวไร่อ้อย โดยเฉพาะการพิจารณาให้มีการปรับเพิ่มขึ้นราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงาน 2บาท/กิโลกรัม(กก.)
นอกจากนี้ยังจะหารือถึงความชัดเจนเกี่ยวกับโครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่จะจัดสรรงบประมาณเพิ่ม ค่าตัดอ้อยให้ตันละ 120 บาทต่อเนื่อง แต่ฤดูหีบปี 2565/66 ที่ผ่านมา ยังคงไม่ได้รับการพิจารณา ขณะที่ฤดูหีบปี 2566/67 ในเดือน ธ.ค.นี้ ก็ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว เพราะหากมีการเปิดหีบอ้อยแล้วยังไม่ชัดเจน ก็เกรงว่าปัญหาอ้อยไฟไหม้ก็อาจจะไม่ได้ลดลง เพราะต้องยอมรับว่าการตัดอ้อยสดเพื่อส่งเข้าโรงงานยังมีต้นทุนสูง
สำหรับการปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายจากเดิมที่สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ออกประกาศปรับขึ้นราคาหน้าโรงงาน 4 บาท/กก. โดยแบ่งรายได้ 2 ส่วนคือ ส่วนแรกนำไปคำนวณราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตปี 2566/67 อีก 2 บาท/กก.นำไปไว้ในกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย (กท.) เพื่อนำไปบริหารเสถียรภาพราคาอ้อย รวมถึงการส่งเสริม การวิจัยพัฒนา และดูแลด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ส่งเสริมแนวทางการพัฒนาการตัดอ้อยสด ฯลฯ
แต่เมื่อกระทรวงพาณิชย์กลับนำน้ำตาลกลับไปเป็นสินค้าควบคุม จากที่ปล่อยลอยตัวราคา มาตั้งแต่ปี 2561 ทำให้การขึ้นราคาถูกระงับ และต่อมากระทรวงพาณิชย์จึงอนุมัติให้ปรับขึ้นเพียง 2 บาท/กก. เพราะเห็นว่าอีก 2 บาท/กก. ไม่ควรเป็นภาระของผู้บริโภคนั้น คงต้องหาความชัดเจนในเรื่องนี้ต่อไป เพราะไม่ทราบว่ารัฐบาลกำลังพิจารณาให้โรงงานน้ำตาลมารับภาระในส่วนของ 2 บาท/กก. หรือไม่ ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าจะทำได้ง่าย.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่