นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ The time to act is now ในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 41 โอกาสครบรอบ 90 ปี หอการค้าไทย เมื่อวันที่ 19 พ.ย.66 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคว่า สิ้นเดือน พ.ย.นี้ รัฐบาลจะเปิดแถลงข่าวใหญ่เกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของประชาชน เนื่องจากปัญหาหนี้นอกระบบเป็นเรื่องใหญ่ ที่ได้กัดกร่อนสังคมไทยมาอย่างยาวนาน ทำให้เกิดปัญหาอาชญากรรมเป็นความขมขื่นของประชาชน ซึ่งรัฐบาลนี้จะต้องเร่งแก้ บางรายเป็นหนี้นอกระบบ ทำงานเพื่อจ่ายดอกเบี้ยอย่างเดียวก็ยังไม่หมด เบื้องต้นจะให้นายอำเภอ ตำรวจ ผู้กำกับในพื้นที่ เป็นตัวกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้ เพราะเรียกเก็บดอกเบี้ยที่สูงเกินกฎหมาย และลูกหนี้ต้องรับภาระหนี้จ่ายไม่จบไม่สิ้น
“หนี้ที่รัฐบาลกำลังแก้ไข เราไม่ได้ดูในระบบอย่างเดียว เราดูหนี้นอกระบบเป็นเรื่องสำคัญ ได้ปรึกษากับกระทรวงมหาดไทยจะออกนโยบายที่เคยใช้มาในอดีตคือ ให้นายอำเภอหรือตำรวจในพื้นที่ เรียกเจ้าหนี้ลูกหนี้มาเจรจาไกล่เกลี่ย เพราะหนี้นอกระบบดอกเบี้ยสูงเกิน เช่น เป็นหนี้อยู่ 100,000 บาท แต่เจอดอกเบี้ยเข้าไป ใช้ไป 300,000 บาทแล้วก็ยังไม่หมดต้องเรียกมาเจรจา เพราะเก็บอัตราดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนด เป็นการกระทำผิดกฎหมายหนี้ที่มีอยู่ต้องยกเลิกกันไป เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้ต้องเกิดขึ้นให้ได้ เป็นการทำงานร่วมกันของกระทรวงการคลัง ฝ่ายความมั่นคง และฝ่ายการปกครอง”
ส่วนล่าสุดที่ได้ไปประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 30 (2023 APEC Economic Leaders’ Meeting) เป็นที่ประจักษ์ว่าประเทศไทยเป็นที่ต้องการ ทุกคนอยากมาลงทุนหรืออย่างน้อยก็มีไทยเป็นตัวเลือก และปฏิเสธไม่ได้ว่าไทยมีการเจรจาเรื่องมาตรการความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) น้อยมาก ยังล้าหลังเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ดังนั้นเรื่องนี้จะเป็นอีกหนึ่งประเด็นหลักที่รัฐบาลจะเดินหน้า “ลมปากอย่างเดียวไม่สามารถดึงดูดให้นักลงทุนมาลงทุนได้ แม้หลายคนอาจมองว่าไทยประสบความสำเร็จจากการไปประชุมเอเปก แต่ผมมองว่าไทยสามารถก้าวไปได้อีก”
ส่วนการพัฒนาเมืองรองตามข้อเสนอของหอการค้าไทยนั้นรัฐบาลพร้อมสนับสนุน จึงต้องมีการลงทุนโดยเฉพาะเรื่องการคมนาคม ขยายสนามบินและอยากให้ภาคเอกชนเสนอว่าต้องการการสนับสนุนอะไร
ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ได้รวบรวมข้อเสนอแนะจากงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ จัดทำเป็น “สมุดปกขาว” มอบให้นายกรัฐมนตรี นำเสนอแนวทางเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย มีข้อเสนอสำคัญที่อยู่ในสมุดปกขาว 4 ประเด็น ได้แก่ 1.ประเทศไทยต้องยกระดับนำเทคโนโลยี มาเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศไทยยังขาดอยู่ จึงเสนอให้ภาครัฐยกระดับมาตรการ Talent immigration policyเพื่อดึงดูดคนต่างชาติที่เก่งเข้ามาทำงานและอยู่อาศัยในประเทศไทย
2.นโยบายเพิ่มจำนวนประชากรและพัฒนาประชากรให้มีคุณภาพ 3.ขอเม็ดเงินสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่กำลังเดือดร้อน ควบคู่กับการแก้ปัญหาหนี้และสร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างเป็นระบบ และ 4.ผลักดันโครงการพัฒนาเมืองรอง 10 จังหวัด เป็นเมืองหลัก ซึ่งจะเป็นโมเดลต้นแบบความร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ เกิดการยกระดับรายได้และลดความเหลื่อมล้ำให้กับประเทศไทย.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่