รัฐบาลกำลังเดินหน้าพลิกโฉมการค้าโลก และขายโครงการแม่เหล็กใหม่ให้แก่นักลงทุนต่างชาติทั่วโลก ภายใต้เมกะโปรเจกต์ที่ชื่อว่า “แลนด์บริดจ์” (Landbridge)
โครงการชื่อคุ้นหูตั้งแต่รัฐบาลยุคก่อน ที่มีเป้าหมายเพื่อต้องการพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ เชื่อมโยงขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน เชื่อมมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรอินเดียเข้าไว้ด้วยกัน
โดยคาดว่าเมื่อโครงการนี้สำเร็จ จะเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล เกิดการลงทุนและจ้างงานตามมาไม่รู้จบ เมื่อไทยเป็นจุดผ่านเส้นทางการเดินเรือขนส่งของโลกที่เปลี่ยนไป แต่อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวก็มาพร้อมกับความกังวลในแง่วิถีชีวิตของคนในพื้นที่และสิ่งแวดล้อม ที่คงจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเช่นกัน กลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลต้องบริหารจัดการ
ล่าสุด หลัง 16 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ครม. อนุมัติหลักการโครงการแลนด์บริดจ์ อีกทั้ง “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ประกาศกลางเวทีโลกการประชุมเอเปก 2023 ว่า ประเทศไทยเปิดแล้ว พร้อมรับการลงทุนจากทุกชาติและทุกรูปแบบ โดยชูว่ารัฐบาลกำลังผลักดันโครงการขนาดใหญ่เพื่อพัฒนาสะพานข้ามทะเล เพื่อเชื่อมต่อทะเลอันดามันกับอ่าวไทย (Landbridge) ซึ่งจะทำให้ไทย เป็นศูนย์กลางการค้าและคมนาคมขนส่ง ซึ่งจะเป็นโอกาสการลงทุนสำหรับต่างชาติ ที่หาจากไหนไม่ได้
“โครงการ Landbridge (แลนด์บริดจ์) จะกลายเป็นเส้นทางคมนาคมขนส่งทางเรือเส้นใหม่ของโลก แก้ไขปัญหาการจราจรผ่านช่องแคบมะละกาที่ถูกกว่า เร็วกว่า และปลอดภัยกว่า การขนส่งสินค้าผ่าน Landbridge จะช่วยลดเวลาการเดินทางโดยรวมได้ 4 วัน และลดต้นทุนโดยเฉลี่ยได้ถึง 15% ซึ่งในอนาคตจะยกระดับให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับการผลิตและการขนส่งสู่ตลาดโลก” เศรษฐา ทวีสิน กล่าว
ขณะนี้รัฐบาลกำลังศึกษารายละเอียดและเตรียมออกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ก่อนเสนอวาระเข้าที่ประชุม ครม. ซึ่งคาดจะเกิดขึ้นช่วงกลางปี 2567 และจะเริ่มประมูลงานลงทุนรูปแบบ PPP ในช่วง เม.ย. ปี 2568 พร้อมเริ่มใช้เส้นทางใหม่แลนด์บริดจ์ ช่วงปี 2572 เป็นต้นไป
ข้อมูลสรุปจาก BOI สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ระบุให้เห็นภาพ ว่า ทำไมโครงการแลนด์บริดจ์ถึงสำคัญ?
มองอีกมุมกลับ แลนด์บริดจ์ ระนอง-ชุมพร ใครได้ใครเสีย? ยังเป็นคำถามที่คนในพื้นที่กำลังหาคำตอบ และเกิดกลุ่มต่อต้าน เนื่องจากกังวลว่าการเข้ามาของกลุ่มอุตสาหกรรม การลงทุน และแผนพัฒนาท่าเรือต่างๆ จะทำให้ทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ในพื้นที่สูญหายไปด้วย โดยเฉพาะวิถีชาวประมง การท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ไม่ได้หวือหวา แต่ทำให้คนในพื้นที่อยู่ได้ด้วยความสงบเรื่อยมา
เช่น กลุ่มเครือข่ายรักษ์พะโต๊ะ จ.ชุมพร รวมตัวต่อต้านกลุ่มทุนต่างชาติ และ แถลงการณ์ออกมาเป็นระยะๆ ว่าไม่เอาแลนด์บริดจ์ พร้อมขอให้รัฐบาลศึกษาและรับฟังความคิดเห็นให้รอบด้าน ก่อนนำโปรเจกต์ดังกล่าวไปโรดโชว์ขายต่างชาติ ด้วยเหตุผล 5 ข้อ ดังนี้
ที่มา : BOI ,กลุ่มเครือข่ายรักษ์พะโต๊ะ ,สนข.