นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายมาซาฮิโกะ มาเอดะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารภูมิภาคเอเชีย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และนายกลินท์ สารสิน ประธานคณะกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และคณะผู้บริหารเยี่ยมคารวะ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนการลงทุนในประเทศไทยตระหนักดีถึงความสำคัญของบริษัทยานยนต์ญี่ปุ่นห่วงโซ่อุปทานของไทย ซึ่งไม่ใช่เพียงบริษัทโตโยต้าเท่านั้น แต่รวมไปถึงทุกบริษัทยานยนต์ญี่ปุ่น
ทั้งนี้ ด้วยบริบทของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป รัฐบาลจึงได้เตรียมความพร้อม ทั้งการเชิญชวนการลงทุนต่างๆ การหาแนวทางและมาตรการที่เหมาะสม เพื่อรองรับความต้องการของผู้ประกอบการ โดยเชื่อมั่นว่าจะมีการหารือ แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นร่วมกันในอนาคตให้ครอบคลุม ทั้งปัจจัย ภายในคือการปรับปรุงโครงสร้าง (Internal structure) และปัจจัยภายนอกคือการเพิ่มมาตรการหรือแรงจูงใจ (Incentive) ร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือน ธ.ค.นี้นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการที่จะเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่น
ด้านบริษัทโตโยต้ากล่าวว่า บริษัทเล็งเห็นถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจและการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมผลิตยานยนต์ในไทยที่มีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะกลุ่มรถกระบะและ Eco-Car ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งไทยมีความสามารถในการแข่งขันระดับโลก ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยจึงกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตและการส่งออกไปทั่วโลกโดยยืนยันว่าจะร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน ควบคู่กับการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน รวมไปถึงแนวทางการผลิตยานยนต์ทั้งประเภทรถยนต์สันดาป (ICE) ไปจนถึงรถยนต์ไฟฟ้า ทั้ง HEV, PHEV, BEV และ FCEV เพื่อรักษาห่วงโซ่อุปทานและภาคการส่งออกอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทย
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันในประเด็นด้านนโยบายและมาตรการยานยนต์ของไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับนโยบายด้าน EVs พลังงานสะอาด สนับสนุนให้บริษัทต่างๆให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาดมากขึ้น ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะดึงดูดการลงทุนใหม่ๆ และมุ่งเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าอันดับหนึ่งในอาเซียน ด้านบริษัทโตโยต้าเห็นพ้องที่จะสนับสนุนนโยบายของไทย โดยขอให้มีการสนับสนุนระยะยาวผ่านสิทธิประโยชน์ทางภาษีและเงินอุดหนุน เพื่อรับประกันการผลิตและการขายรถยนต์ทั้งการขายในประเทศและการส่งออก รวมถึงเสนอแนะให้รัฐบาลมีมาตรการที่ครอบคลุมถึงการรองรับยานพาหนะที่หมดอายุการใช้งาน (ELV) ซึ่งจะมีผลต่อการฟื้นฟูห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งหมดตามนโยบายพลังงานสะอาดของไทยอีกด้วย โดยนายกรัฐมนตรีให้ความสนใจในประเด็นดังกล่าว ซึ่งจะมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือเพื่อหามาตรการที่เหมาะสมร่วมกัน
ในวันเดียวกัน นายเศรษฐายังได้โพสต์ทางโซเชียลว่า “การลงทุนจากนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น ถือว่าเป็นกลุ่มแรกๆ ที่เข้ามาลงทุนในไทย ผมขอขอบคุณนักลงทุนญี่ปุ่นที่มีคุณูปการในการทำให้เศรษฐกิจของประเทศได้เติบโตขึ้นอย่างเป็นลำดับครับ ธุรกิจยานยนต์ก็ถือเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในประเทศ และส่งออกไปยังต่างประเทศ วันนี้ผู้บริหารของโตโยต้า ได้เข้ามานำเสนอแผนการพัฒนาธุรกิจของบริษัท เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางของโลกที่เปลี่ยนไป โดยที่ยังผลิตรถยนต์ในระบบสันดาป (ICE) และ ECO Car โดยที่มีความพยายามที่จะลดระดับคาร์บอนที่น้อยลง และยังมีแผนการส่งเสริมการลงทุนในการผลิตรถยนต์ EV อีกด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเราพร้อมสนับสนุนในมาตรการทางภาษี ทั้งจาก BOI และกรมสรรพสามิต เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจยานยนต์ประเทศไทย มีศักยภาพแข่งขันกับต่างประเทศได้อย่างสมศักดิ์ศรีครับ”.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่