อีวี 3.5 เงินอุดหนุนลดแน่ โค้งสุดท้ายรีบเลยซื้อรถไฟฟ้าราคาถูก

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

อีวี 3.5 เงินอุดหนุนลดแน่ โค้งสุดท้ายรีบเลยซื้อรถไฟฟ้าราคาถูก

Date Time: 2 พ.ย. 2566 06:17 น.

Summary

  • บอร์ดอีวีเคาะมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 2 หรือ EV 3.5 คงมีเงินสนับสนุนเหมือนโครงการแรก แต่ลดลง รอเคาะอัตราที่ชัดเจนอีกครั้ง เลขาฯบีโอไอเผยใครอยากซื้อราคาถูกตามมาตรการแรกต้องจดทะเบียนภายใน ม.ค.2567

Latest

จบปี 67 ใช้จ่ายเงียบเหงา เสนอรัฐ 4 ข้อดันค้าปลีกปีหน้าโต 3-5%

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) เปิดเผยว่า ที่ประชุมบอร์ด EV ชุดใหม่ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 2 หรือ EV 3.5 ในช่วงระยะเวลา 4 ปี (2567-2570) เพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และเปิดโอกาสให้เกิดการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเพิ่มขึ้น

สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ๆ และผู้สนับสนุนให้เกิดการลงทุนที่ครอบคลุมทั้งรถยนต์นั่ง รถกระบะไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โดยให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมมาตรการ EV3 สามารถยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ตามมาตรการใหม่นี้เพิ่มเติมได้ แต่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของแต่ละมาตรการด้วย

ทั้งนี้ มาตรการ EV 3.5 รัฐจะให้เงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า รถกระบะ ไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าตามประเภทของรถ และขนาดของแบตเตอรี่ ดังนี้ 1.กรณีรถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ที่มีขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 50 kWh จะได้รับเงินอุดหนุน ระหว่าง 50,000-100,000 บาท/คัน สำหรับขนาดแบตเตอรี่ต่ำกว่า 50 kWh จะได้รับเงินอุดหนุน 20,000 -50,000 บาท/คัน 2.กรณีรถกระบะไฟฟ้าราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ที่มีขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 50 kWh จะได้รับเงินอุดหนุน 50,000-100,000 บาท/คัน 3.กรณีรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 150,000 บาท ที่มีขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 3 kWh จะได้รับเงินอุดหนุน 5,000-10,000 บาท/คัน

“4 หน่วยงานประกอบด้วย บีโอไอ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน และกรมสรรพสามิต จะรีบหารือร่วมกันเพื่อเคาะอัตราเงินอุดหนุนให้ออกมาเป็นวงเงินที่ชัดเจน เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในเดือนนี้ ซึ่งวงเงินอุดหนุนจะน้อยกว่า มาตรการ EV 3 เพราะตอนนี้กระแสการใช้รถอีวีในประเทศไทยจุดติดแล้ว จากเดิมที่มาตรการ EV3 สนับสนุนรถยนต์นั่งอีวี มีขนาดแบตเตอรี่ไม่เกิน 30 kWh คันละ 70,000 บาทต่อคัน ขนาด 30 kWh ขึ้นไป คันละ 150,000 บาท ส่วนจักยานยนต์อีวี 18,000 บาทต่อคัน”

สำหรับผู้ที่อยากได้ส่วนลดจากเงินที่รัฐสนับสนุนตามมาตรการเดิม หรือ EV3 ต้องรีบซื้อภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งที่ประชุมได้ขยายระยะเวลาการจดทะเบียนรถยนต์จากเดิม ภายใน 31 ธ.ค.66 เป็น 31 ม.ค.67 เพื่อรองรับผู้ซื้อในงานไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ เอ็กซ์โป เดือน ธ.ค. ที่จะถึงนี้

ทั้งนี้ มาตรการ EV 3.5 จะมีการลดอากรนำเข้าไม่เกิน 40% สำหรับการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูป (CBU) ในช่วง 2 ปีแรก (พ.ศ. 2567-2568) กรณีเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท และลดอัตราภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2% สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท โดยได้ตั้งเงื่อนไขกระตุ้นการลงทุนในประเทศ ให้ผู้ได้รับการสนับสนุนผลิตเพื่อชดเชยการนำเข้าภายในปี 2569 ในอัตราส่วน 1 : 2 (นำเข้า 1 คัน ผลิตชดเชย 2 คัน) และจะเพิ่มอัตราส่วนเป็น 1 : 3 ภายในปี 2570

นายนฤตม์ กล่าวอีกว่า มาตรการ EV 3 ในปี 2565 ที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมมาตรการสนับสนุนฯ แล้ว รวมทั้งสิ้น 13 แบรนด์ จาก 15 บริษัท ในช่วง 9 เดือนของปีนี้ มียอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ 50,340 คัน นับตั้งแต่มีการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2560 ได้ก่อให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า มูลค่ารวม 61,425 ล้านบาท.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ