นายมนัส พุทธรัตน์ ประธานสมาพันธ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานได้กำหนดให้คงสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล ในน้ำมันกลุ่มดีเซลหมุนเร็ว ให้เป็นน้ำมันดีเซลบี 7 ต่อไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.-31 ธ.ค.นี้ จากนั้นต้องติดตามนโยบายภาครัฐ เนื่องจากภายใต้แผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง (Oil Plan 2023) จะกำหนดชนิดน้ำมันพื้นฐาน เพื่อลดหัวจ่ายในปั๊มน้ำมัน ลงในปี 2567 โดยชาวสวนปาล์มเห็นด้วยหากรัฐบาลจะกำหนดการผสมไบโอดีเซล (B100) ในน้ำมันดีเซล สัดส่วน 5-10%
“หากกระทรวงพลังงานวางเป้าหมายปี 2567 จะให้เหลือเพียงชื่อ “น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว” เป็นน้ำมันพื้นฐานของประเทศ และสัดส่วนการผสมของไบโอดีเซล บี 100 อยู่ที่ 5-10% เพื่อให้สถานีบริการน้ำมันจะได้มีเพียงหัวจ่ายเดียว ในส่วนของน้ำมันดีเซล สมาพันธ์ไม่มีปัญหา ขอเพียงอย่ากำหนดให้ต่ำกว่า 5% เหมือนอดีตที่เคยลดต่ำไปถึง 3% เพราะเกษตรกร จะเดือดร้อนจากราคาปาล์มตกต่ำ”
ปัจจุบันราคาปาล์มทะลายอยู่ที่ 5-6 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) น้ำมันปาล์มดิบ (CPO) อยู่ที่ 28-29 บาทต่อลิตร บี 100 อยู่ที่ 32.55 บาทต่อลิตร ถือว่าเป็นราคาที่เกษตรกรอยู่ได้ โดยปัจจัยสำคัญมาจากคณะอนุกรรมการบริหารจัดการสมดุลน้ำมันปาล์มที่เข้ามาบริหารจัดการสต๊อก CPO ทำให้รักษาสมดุลราคาทั้งระบบ ขณะที่การชดเชยราคาเชื้อเพลิงชีวภาพ ผ่านกลไกกองทุนน้ำมันที่ให้ยกเลิกการชดเชยราคาเชื้อเพลิงชีวภาพภายใน 3 ปี ซึ่งครบกำหนดเมื่อปีที่ผ่านมา และได้มีการยกเลิกชดเชยราคาเชื้อเพลิงชีวภาพออกไปอีก 2 ปี และกฎหมายเปิดช่องให้ขอขยายเวลาได้ 2 ครั้งที่จะสิ้นสุดในเดือน ก.ย. 2567 ขณะนี้เกษตรกรสวนปาล์มได้พยายามปรับตัวในการรับมือ โดยเน้นหาตลาดส่งออก ลดต้นทุนการผลิต เป็นต้น.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่