นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประเมินผลกระทบจากสถานการณ์สงครามอิสราเอล-ฮามาส ซึ่งมีผลต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก สถานการณ์เศรษฐกิจโลกด้วย จึงต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่าจะขยายวงกว้าง และยืดเยื้อยาวนานหรือไม่ เพื่อจะได้นำรายงานการประเมินผลกระทบเสนอต่อนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลังต่อไป ซึ่งมีข้อห่วงใย 3 เรื่องได้แก่
1.สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและฮามาสจะยืดเยื้อหรือไม่
2.จะลุกลามกลายเป็นเรื่องภูมิภาคหรือไม่
3.เสถียรภาพของราคาพลังงานโลก ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งหมดจะมีผลกระทบต่อประเทศไทยในระดับหนึ่งอย่างแน่นอน
ส่วนมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซลที่จะสิ้นสุด ในสิ้นปีนี้นั้น หากมีการต่อมาตรการออกไปก็จะมีผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐอย่างแน่นอน รวมถึงการจะปรับลดภาษีน้ำมันเบนซินด้วย ดังนั้นรัฐบาลต้องบริหารจัดการการจัดเก็บรายได้ และเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นรัฐจะจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
สำหรับดัชนีหุ้นร่วงนั้น กระทรวงการคลังไม่ได้เข้าไปแทรกแซงเรื่องนี้ แต่ติดตามดูอยู่ใกล้ชิด โดยปัจจัยที่ทำให้ดัชนีหุ้นไทยร่วงนั้น เป็นผลจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างไทยและสหรัฐฯ ทำให้เงินทุนไหลออกทั้งจากตลาดหุ้นไทย และตลาดพันธบัตร รวมถึงความไม่มั่นคงสถานการณ์อิสราเอลและฮามาสด้วย.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่