กระตุ้นท่องเที่ยวไทย ชู "เน็ต ซีโร่ ทัวริซึ่ม"

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

กระตุ้นท่องเที่ยวไทย ชู "เน็ต ซีโร่ ทัวริซึ่ม"

Date Time: 5 ต.ค. 2566 05:50 น.

Summary

  • รัฐบาลหยิบเรื่อง “ท่องเที่ยว” มาสร้างคอนเทนต์ “ควิกรัน”...กู้เศรษฐกิจประเทศ ด้วยเชื่อว่าวิธีนี้ดีและแก้ปัญหาได้รวดเร็วที่สุด หลังจากลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูลสถานการณ์ท่องเที่ยวภูเก็ตที่ได้ชื่อว่าเป็น “ไข่มุกอันดามัน” เพื่อส่งเสริมอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

Latest

พลิกฟ้าฝ่าวิกฤติ สรุปแผน “การบินไทย” ยุคใหม่ จาก รัฐวิสาหกิจ สู่ บริษัทเอกชนเต็มตัว กลับมาเทรดปี68

รัฐบาลหยิบเรื่อง “ท่องเที่ยว” มาสร้างคอนเทนต์ “ควิกรัน”...กู้เศรษฐกิจประเทศ ด้วยเชื่อว่าวิธีนี้ดีและแก้ปัญหาได้รวดเร็วที่สุด หลังจากลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูลสถานการณ์ท่องเที่ยวภูเก็ตที่ได้ชื่อว่าเป็น “ไข่มุกอันดามัน” เพื่อส่งเสริมอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

ชื่นใจแทนคนที่ฝากผีฝากไข้ไว้กับอุตสาหกรรมแขนงนี้ โดยเฉพาะภาคเอกชน “ปล้ำผีลุกปลุกผีนั่ง” มานานนับแต่รัฐบาลที่แล้ว เพื่อร้องขอให้เปิด “ฟรีวีซ่า” แก่นักท่องเที่ยวทัวร์จีนเสียที

เพราะว่าตลาดนี้เป็น “บิ๊กมาร์เกต” เลี้ยงธุรกิจ เคยสร้างสถิติสูงถึง 11 ล้านคน ทำรายได้ 5.43 แสนล้านบาท เมื่อปี 2562

ทว่า...ต้องตกกราวรูดด้วยถูกโควิดเล่นงานจะตายแหล่มิตายแหล่ ครั้นได้รัฐบาลล่าสุดเปิดปุ๊บ ติดปั๊ป ปรับโพลิซี “ฟรีวีซ่า” ให้คนจีนมาช่วง “โกลเด้นวีค” ตุลาคม พ่วงปีใหม่ไทยยันปีใหม่จีนตลอด 5 เดือนก็ยิ่งเป็นกระแสร้อน ด้วยคาดหวังกันว่าจะได้ทัวร์ “ตึ่งหนั่งเกี๊ย” ไม่ต่ำกว่า 3.4 ล้านคน รายได้ 1.74 แสนล้านบาท...

ปีนี้จะทะลุสุดโด่งเป็น 4-4.4 ล้านคน ฟันรายได้เหนาะๆ 2.57 แสนล้านบาท...โอ้มายก้อด?

นอกจากนี้ยังปล่อยผีแจก “ฟรีวีซ่า” ให้ตลาดแขกขาวคาซัคสถานให้อีกกลุ่มหนึ่ง จะได้เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวภูเก็ตอีกแสนสองแสนคน... อะไรจะขนาดนั้น?

โหมดนี้คนขายทัวร์จีนจึงดีใจกันยกใหญ่...เมื่อเช้า 25 กันยายนคือวัน “คิกออฟ” ที่นายกรัฐมนตรีจัดทีมไปรับแขกแก้วแดนมังกร 300 คนแรกถึงสนามบินสุวรรณภูมิกับดอนเมืองและคาซัคสถานที่สนามบินภูเก็ต และจีนไล้เหลี่ยวเจียงใหม่อีกก๊วนใหญ่

ข่าวพิธีการต้อนรับดูชื่นมื่นราบรื่นทั้ง 4 สนามบิน โดยมีหุ่นละครเล็กกับคณะกลองยาวต้อนรับแบบฉบับไทยๆมาแต่ครั้งปี 2503 รับทัวริสต์ต่างชาติในโอกาสต่างๆ

เช่น คณะทัวร์อินเซ็นทีฟที่บ่อยครั้งมากสุดก็เมื่อสถิติครบจำนวนล้านแล้วจ้า...แบบเดียวกับโฆษณาหนังไทยยุคหนังเงียบ

เที่ยวนี้ก็อย่างเคย...รับด้วยพวงมาลัยดอกไม้สดแถมพกด้วยกางเกงลายช้างไว้ใส่เที่ยว

ม.ล.สุรวุฒิ ทองแถม อดีตโฮเทลเลียร์และกูรูตลาดท่องเที่ยว เปิดมุมมองส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ บอกว่า เห็นด้วยกับการประกาศแจกมาตรการนี้แก่ตลาดจีนในยามที่ทัวร์จีนหดหายไปกว่า 70%

และ...น่าจะกลับมา 31% ในช่วง 5 เดือนนี้ แต่ก็ยังอดห่วงใยไม่ได้ในหลายๆปัญหาที่ยังแก้แบบลิงพันแหอยู่ขณะนี้

ม.ล.สุรวุฒิ ทองแถม
ม.ล.สุรวุฒิ ทองแถม

โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยที่มีคนลั่นวาจา ทัวร์จีนทุกคนมาแล้วต้องปลอดภัยนับแต่ก้าวแรกจนก้าวสุดท้าย”

แต่...เมื่อลิงยังติดแหยิ่งแก้ยิ่งยุ่งพัลวันจะทำอย่างไร ที่บอกว่ายอดจองสูงถึงสิบเท่า ถามว่าความพร้อมของสถานที่ท่องเที่ยวและสินค้าบริการมีมากน้อยแค่ไหน?

“ผมมีข้อสังเกตว่า...ไม่มีกิจกรรมด้านพัฒนารองรับเท่าความแรงด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ การจะกระจายนักท่องเที่ยวไปสู่เมืองหลักและเมืองรอง เช่น การคมนาคมขนส่ง สนามบินเที่ยวบิน โรงแรมที่พัก บุคลากรมีขีดความสามารถรองรับหรือยัง?...ดูจะห่างไกลความจริงมาก”

กูรูท่องเที่ยวรายเดิมยังชี้ต่อไปถึงปัญหา “จีนเทา”

“ปัญหานี้ยังเป็นสนิมที่เกาะกินสังคมไทย” ม.ล.สุรวุฒิ ว่า

กรณีการเปิด “ฟรีวีซ่า” ครั้งนี้จึงเป็นเสมือนดาบสองคม โดยคมหนึ่งบาดคนระดับเสนาบดีที่มองเป็นปัญหาจิ๊บจ้อย เมื่อเทียบกับผลประโยชน์ที่ได้รับนับแสนล้านบาท

“เขาคงไม่รู้ซึ้งถึงคุณค่าความเป็นไทยว่ามหาศาลเพียงใด จึงได้ตีค่าราคาออกมาเป็นตัวเงินรายได้...อีหรอบนี้ท่องเที่ยวไทยจะไปต่อได้อย่างไร?”

โหมดต่อมา...เป็นทัศนะจากอดีตผู้เชี่ยวชาญนิรนามด้านวางแผนและพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อความยั่งยืน ในประเด็นภาวะโลกร้อนจนเดือดพล่านที่เกิดจากพฤติกรรมมนุษย์เป็นผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรบกวน จากปัจจัยการผลิตไฟฟ้า การขนส่งทางรถยนต์ไปถึงทางอากาศในโลกปัจจุบัน

อีกทั้งโรงงานอุตสาหกรรม ไม่เว้นกระทั่งครอบครัวที่สร้างผลกระทบ รวมถึงการทำเกษตรและส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบแข่งขันกันเข้มข้นรุนแรง

ประเด็นสำคัญข้างต้นนี้...ที่ประชุมอนุสัญญาสหประชาชาติได้ตีกรอบให้ประเทศต่างๆทั่วโลก กำหนดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อบรรลุข้อตกลงยุติการใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล

แต่นักรณรงค์ต่อต้านด้านภูมิอากาศกลับมองว่า มันเป็นเรื่องยากที่จะควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยโลกไม่ให้สูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส แข่งกับวิกฤติหิมะละลายขั้วโลกเหนืออันซีนกับคนทั้งโลกยุคนี้

ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นความฝันสูงสุดตามความตกลงปารีส ที่กำหนดให้ประเทศซึ่งร่วมลงนามจะปล่อยก๊าซวายร้ายตัวนี้มีค่าเท่ากับ “เน็ตซีโร่” ทันทีในปี ค.ศ.2050

“ขณะประเทศไทยตั้งเป้าจะลดก๊าซตัวนี้ให้ได้ 50% ในปี 2573 และควรภูมิใจปี 2561 ไทยถูกจัดอันดับที่ 20 ของโลกหรือเพียง 0.8% จากการปล่อยก๊าซตัวนี้ออกมาทั่วโลก ส่วนประเทศที่ปล่อยมากสุด ได้แก่ มหาอำนาจฝั่งตะวันออกคือจีน รองลงมาเป็นพี่เบิ้มฝั่งตะวันตกคืออเมริกา”

นักวางแผนและพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อความยั่งยืนรายนี้ยังขอชื่นชมรัฐบาลไทยชุดที่แล้ว ที่อุตส่าห์ชักชวนจีนมาลงทุนฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ขจัดปัญหามลพิษคาร์บอนฯรวม 26 โครงการ 17 บริษัท...เงินลงทุน 8.6 หมื่นล้านบาท

ขณะเดียวกันก็ชมเชยการสร้างคอนเทนต์ขึ้นมารองรับขับเคลื่อนพัฒนาการท่องเที่ยว คู่ความรับผิดชอบต่อปัญหาโลกร้อนภายใต้เทรนด์ใหม่ “เน็ต ซีโร่ ทัวริซึ่ม” คือปลูกจิตสำนึกนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการภาคธุรกิจท่องเที่ยวให้เป็นมิตรที่ดีกับสิ่งแวดล้อม

ย้อนไปในเช้าวันที่ 25 กันยายน เมื่อคนทั้งโลกรู้ข่าวประเทศไทย...“คิกออฟ” แจก “ฟรีวีซ่า” ให้นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน พออีก 2 วันถัดไปคือวันที่ 27 กันยายน...เดือนเดียวกัน สมาชิกทั่วโลก 157 ประเทศ ของ “องค์การท่องเที่ยวโลก” ถือว่าวันนี้เป็น “วันท่องเที่ยวโลก” ที่แต่ละประเทศจะแสดงบทบาทลีลา

เพื่อกวักมือเรียก “นักท่องเที่ยว” จากทั่วโลกมาเยือน

แม้ว่าจะผ่านไปแล้วก็อดเสียดายไม่ได้...เช้าวันนั้นเมื่อ “คิกออฟ” เปิด “ฟรีวีซ่า” หนุนทัวร์จีนและคาซัคสถาน มีภาพเดิมๆ คือวงกลองยาวกับคณะหุ่นละครเล็กโชว์ คอยแจกพวงมาลัยและกางเกงลายช้างแล้ว...ก็น่าจะผนวกเทรนด์ “ควิกวิน” รับ “วันท่องเที่ยวโลก” ด้วย “เน็ต ซีโร่ ทัวริซึ่ม” ควบกันไปด้วยแบบไม่ตกขบวน

ชวนเชิญเปิดเวทีใหญ่ต้อนรับ “ชาวโลก” ให้ได้รับรู้ “ไทยแลนด์”...สยามเมืองยิ้มกำลังโหมสุดแรง กระตุ้นตลาดท่องเที่ยวยั่งยืน ควบคู่การชูเรื่องท่องเที่ยวเป็นหนทางการเร่งลดภาวะโลกร้อน...เพื่อมวลมนุษยชาติ.

คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ