ผู้เลี้ยงไก่ไข่วอนรัฐปรับลดต้นทุน เพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ได้

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า นายมาโนช ชูทับทิม นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ นำเกษตรกรที่เป็นสมาชิกสมาคมเข้าพบและหารือถึงการลดต้นทุนอาหารสัตว์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 70% โดยราคา ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 17 บาท/กิโลกรัม (กก.) จากปี 63 อยู่ที่ราคา 10 บาท/กก. จึงเตรียมหารือนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ให้ช่วยดูแลเกษตรกรเพื่อปรับสมดุลของอุตสาหกรรมไข่ไก่ทั้งระบบ เพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ได้ โดยเกษตรกร ได้ขายสินค้าในราคาเป็นธรรม และผู้บริโภคได้บริโภคสินค้าคุณภาพสูงในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป

“ผู้เลี้ยงไก่ไข่อยากให้รัฐดูแลต้นทุนการผลิต เข้าใจว่า มีคณะอนุกรรมการพิจารณาต้นทุนการผลิตดูแลอยู่แล้ว แต่อยากสะท้อนปัญหาไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ปรับลดต้นทุนลงมาบ้าง เพราะราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ ทั้งข้าวสาลี ข้าวโพดลดลงแล้ว แต่ราคาอาหารสัตว์ ซึ่งคิดเป็นต้นทุนมากกว่า 70% ของการเลี้ยงไก่ไข่ ยังไม่มีท่าทีลดลง”

ด้านนายมงคล พิพัฒสัตยานุวงศ์ นายกสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ กล่าวว่า เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ลำบาก เพราะขายไข่ขาดทุน เพิ่งจะดีขึ้นในช่วง 3-4 ปีนี้ ที่พอมีส่วนต่าง จากราคาขายและต้นทุนบ้าง โดยขณะนี้ราคาประกาศ 4.00 บาท/ฟอง แต่ขายส่ง 3.90 บาท/ฟอง และต้นทุนการผลิต 3.70 บาท/ฟอง อยากให้รัฐบาลช่วยดูต้นทุนของเกษตรกรบ้าง “ผลผลิตไข่ไก่ส่วนใหญ่บริโภคในประเทศ เหลือส่งออก 2-3% อยากให้รัฐบาลดูแลเกษตรกรรายย่อยให้มากกว่านี้ ไม่อยากให้สังคมมองไข่เป็นจำเลยสังคม เหมือนทุกวันนี้พอราคาไข่ขยับ ภาครัฐก็เข้ามากำกับราคา อยากให้ดูแลผลผลิต ต้นทุนและราคาเพื่อให้เกษตรกรอยู่ได้ สร้างความมั่นคงให้อุตสาหกรรมอาหาร ไม่ใช่ทำให้เกษตรกรอ่อนแอ อยู่ไม่ได้ในที่สุด”

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการบริหารกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (คบท.) เห็นชอบให้กรมการค้าภายในดำเนินโครงการชดเชยดอกเบี้ยเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ และสุกร ปี 66 เพื่อช่วยภาระค่าดอกเบี้ยจากการกู้ยืมจากธนาคารมาใช้ในการเลี้ยงไก่ไข่และสุกร ให้กับผู้เลี้ยงรายย่อย-เล็ก-กลาง ที่มีการเลี้ยงไก่ไข่ไม่เกิน 100,000 ตัว และสุกรไม่เกิน 5,000 ตัว ในอัตราชดเชยดอกเบี้ยไม่เกิน 3% ต่อปี สูงสุดไม่เกิน 6 เดือน วงเงินกู้รวม 2,000 ล้านบาท.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่