นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า ได้ส่งหนังสือถึงกรมบัญชีกลาง เพื่อขอให้พิจารณาขยายเวลาเก็บรักษาเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ 62 และปีงบ 63 รวม 780.26 ล้านบาท ไปจนถึงเดือน มี.ค.67 หรือจนกว่าภาระผูกพันในการดำเนินโครงการของรัฐบาล หรือภาระผูกพันทางคดีที่ อคส.ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล ซึ่งก็คือการต่อสู้ทางคดีจนถึงศาลฎีกาเสร็จสิ้นจากที่ได้ขยายเวลามาแล้ว 4 ปี สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.66 สำหรับงบประมาณดังกล่าว อคส.ได้รับการจัดสรร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ อคส.ดำเนินการแทนรัฐจนถึงที่สุด หากไม่ขยายเวลาการใช้งบ ทั้งที่การดำเนินการยังไม่ถึงที่สุด เท่ากับกรมบัญชีกลาง เป็นผู้ยกเลิกให้ อคส.ดำเนินการแทนรัฐ และหากมีความเสียหายเกิดขึ้นต่อรัฐ อคส.คงไม่สามารถรับผิดชอบได้
ทั้งนี้ อคส.ได้รับจัดสรรปีงบ 62 และปีงบ 63 รวม 2,000 กว่าล้านบาท ซึ่งได้นำมาใช้ดำเนินการต่างๆ เช่น เป็นค่าธรรมเนียมศาลในการต่อสู้คดีที่ อคส.ฟ้องร้องผู้กระทำผิดในโครงการรับจำนำข้าว 1,143 คดี รวมความเสียหายกว่า 494,200 ล้านบาท “แต่คดีไม่ได้จบภายในปีงบประมาณยังต้องต่อสู้กันในชั้นศาลจนกว่าจะถึงที่สุด หรือจนกว่าจะถึงศาลฎีกา หากกรมบัญชีกลางไม่ขยายระยะเวลาให้อีก อคส.คงไม่มีงบไปต่อสู้คดี ทั้งๆที่ต้องขึ้นศาลทุกสัปดาห์ และหาก อคส.หยุดต่อสู้ คงสร้างความเสียหายให้กับรัฐจำนวนมาก”
อย่างไรก็ตาม หากให้ อคส.คืนงบ 780.26 ล้านบาท และให้ใช้งบปี 67 ก็เหมือนเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ที่สำคัญกระบวนการของบปี 67 อาจไม่ทัน และหากให้สำรองจ่ายไปก่อน อคส.ก็ไม่มีเงิน จึงอาจส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อรัฐ สำหรับการต่อสู้คดี ล่าสุดคดีแพ่ง อคส.ชนะ 40 คดี ศาลมีคำพิพากษาให้คู่สัญญาชดใช้ให้ อคส. 2,309 ล้านบาท และแพ้ 30 คดี ศาลพิพากษาให้ อคส.ชดใช้ให้คู่สัญญา 683 ล้านบาท โดยมีส่วนต่างให้ อคส.ได้รับการชดใช้ 1,636 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นรายได้ของรัฐ แต่ อคส.ได้อุทธรณ์ให้คู่สัญญาจ่ายชดใช้เพิ่มขึ้นอีก ส่วนคดีอาญา 897 คดี อยู่ในชั้นศาล 172 คดี ถึงที่สุดแล้ว 65 คดี.