นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมฯได้ออกประกาศให้บุคคล ซึ่งเป็นผู้อยู่ในประเทศไทยตามมาตรา 41 วรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร ที่มีเงินได้พึงประเมิน เนื่องจากหน้าที่งาน หรือกิจการที่ทำในต่างประเทศ หรือเนื่องจากทรัพย์สิน ที่อยู่ในต่างประเทศ ตามมาตรา 41 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากรในปีภาษีดังกล่าว และได้นำเงินได้พึงประเมิน เข้ามาประเทศไทยในปีภาษีใดก็ตาม ให้มีหน้าที่ต้องนำเงินได้พึงประเมินเหล่านี้มารวมคำนวณเพื่อเสียภาษี ที่ได้นำเงินได้พึงประเมินเข้ามาในประเทศ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ลดความซ้ำซ้อนในการเสียภาษี โดยปัจจุบันบริบทการทำธุรกิจเปลี่ยนแปลงไป และกรมฯได้เข้าร่วมความตกลงแลกเปลี่ยนข้อมูลทางภาษีระหว่างประเทศ จึงต้องปฏิบัติตามข้อตกลงของภาคีเครือข่าย โดยประกาศจะเริ่มบังคับใช้ในปี 2567 เพื่อยื่นจ่ายภาษีเงินได้ในปี 2568 ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการเก็บภาษีที่ทับซ้อน หากใครมีการเสียภาษีที่ประเทศต้นทางที่มีอนุสัญญาร่วมกันอยู่แล้ว ก็ไม่มีการเรียกเก็บที่ไทยอีก
“ประกาศตัวนี้ มีความเกี่ยวข้องกับผู้มีส่วนได้เสียจำนวนมาก กรมฯจะมีการเรียกหน่วยงานเข้ามาหารือรายละเอียด ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ฯลฯเพื่อออกรายละเอียดกฎหมายย่อยเพิ่มเติม และในระยะยาวจะมีการออกเป็นประมวลรัษฎากร ซึ่งไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มรายได้ของกรมฯ แต่เน้นการสร้างความเป็นธรรมในการเสียภาษี และกรมฯคาดว่าปีนี้จะจัดเก็บภาษีเกินเป้าที่ตั้งไว้ 180,000 ล้านบาท”
กรณีที่นายกรัฐมนตรี ได้มอบให้ทบทวนเรื่องภาษีมรดก กรมฯกำลังพิจารณา ทั้งเรื่องอัตราการเก็บภาษี และโครงสร้างต่างๆ ซึ่งเป้าหมายในการเก็บภาษีมรดกช่วงแรก อัตราภาษีไม่สูงนัก เนื่องจากเป็นภาษีใหม่ ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก และเกิดแรงต้าน และกรมฯจะไปศึกษาและดูรายละเอียดภาษีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ภาษีเกี่ยวกับการให้ อาทิ การมอบ โอนสิทธิในระหว่างที่มีชีวิตอยู่ ให้มีความสอดคล้องกัน
“ความท้าทายในปี 2567 เศรษฐกิจภาพใหญ่ตัวเลขประมาณการ ปรับตัวลดลง ซึ่งอาจมีผลต่อการจัดเก็บรายได้ ก็จะพยายามเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บ โดยการใช้เทคโนโลยีและใช้ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) เข้ามาตรวจสอบการภาษีที่ยังไม่ถูกต้อง ล่าสุดได้ร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พัฒนาหลักสูตรสหวิทยาการ และรายวิชาด้านการจัดการและการจัดเก็บภาษีอากร ด้านการบริหารการจัดการและการจัดเก็บภาษี แห่งแรกของไทย สำหรับวุฒิการศึกษาระดับปริญญาโท”.