มาตรการ “ฟรีวีซ่า” หรือ “วีซ่าฟรี” กลายเป็นที่จับตามอง หลัง เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศว่า จะมีการกระตุ้นการท่องเที่ยวครั้งใหญ่ในช่วงปลายปีนี้ ผ่านมาตรการดังกล่าว สร้างความหวังให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักทางเศรษฐกิจของไทยที่มีการฟื้นตัวช้ากว่าที่หลายๆ คนคาดการณ์ไว้
ท่ามกลางกระแสความคาดหวังว่ามาตรการดังกล่าว จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยให้กลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง แต่ก็ยังมีข้อถกเถียงที่สร้างความสับสน ให้กับทั้งภาคธุรกิจและประชาชนว่า มาตรการฟรีวีซ่า หรือ วีซ่าฟรี มีความหมายเหมือนกันหรือไม่ แตกต่างกันอย่างไร เนื่องจากสื่อมีการใช้คำว่า “ฟรีวีซ่า” อย่างแพร่หลาย
ในขณะที่ล่าสุด นายกรัฐมนตรี เศรษฐา เปิดเผยเมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมาว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.เศรษฐา1) มีมติเห็นชอบมาตรการวีซ่า-ฟรี (Visa-Free) ชั่วคราว สำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนและคาซัคสถาน ซึ่งเป็นมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างเร่งด่วน ระยะเวลา 5 เดือน
เว็บไซต์ ทราเวลโลกา(Traveloka) ได้อธิบายความหมายของคำว่า “ฟรีวีซ่า” คือคำที่นักท่องเที่ยวเอาไว้ใช้เรียก การเดินทางไปเที่ยวประเทศต่างๆ โดยผู้ที่ถือพาสปอร์ต (Passport) ไทยประเภทบุคคลธรรมดา นั้นสามารถเดินทางไปเที่ยวได้แบบที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้วีซ่า เพียงแค่เตรียมพาสปอร์ต จองตั๋วเครื่องบิน และโรงแรมให้เรียบร้อย เท่านี้ก็สามารถเดินทางไปเที่ยวประเทศนั้นๆ ได้อย่างง่ายดายโดยไม่จำเป็นต้องใช้วีซ่าแต่อย่างใด
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ประเทศที่เปิดฟรีวีซ่ากลายเป็นจุดหมายปลายทาง ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะช่วยอำนวยความสะดวกแก่นักเที่ยวที่นอกจากไม่ต้องทำเอกสารขอวีซ่าแล้ว ยังไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการทำวีซ่าอีกด้วย ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวให้กับประเทศนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี
ส่วน “วีซ่าฟรี” ตามความหมายของกระทรวงการต่างประเทศ คือ การยกเว้นการตรวจลงตราเข้าไทย หรือการยกเว้นการขอวีซ่าเข้าประเทศไทย แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งมาตรการวีซ่าฟรี จะเริ่มจากกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนและคาซัคสถาน โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 ถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567
โดยมาตรการ “วีซ่าฟรี” ชั่วคราว มีจุดประสงค์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนให้เดินทางมาประไทยเพิ่มขึ้นในช่วงไฮซีซั่น ซึ่งตรงกับวันชาติจีนที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 29 กันยายนนี้ และเทศกาลตรุษจีนต้นปีหน้า
ส่วนนักท่องเที่ยวชาวคาซัคสถาน จากสถิติ พบว่ามีการท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากหนีสภาพติดลบจากช่วงฤดูหนาวในยุโรป จึงเป็นตลาดที่มีศักยภาพสามารถเพิ่มการเดินทางเข้าไทยได้
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. กล่าวว่า จากมาตรการฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีนของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่จะนำมาใช้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้นั้น คาดว่าจะเป็นปัจจัยบวกสนับสนุนให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นประมาณ 5-7 แสนคน โดยจำนวนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นนี้จะทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยปี 2566 รวมกว่า 4.2 ล้านคน ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5 ล้านคน ส่วนรายได้เพิ่มขึ้นจากการเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีนนี้จะส่งผลดีต่อการฟื้นฟูการท่องเที่ยวและภาคเศรษฐกิจของประเทศได้จำนวนมาก
โดยในช่วง 8 เดือนแรกที่ผ่านมา (1 ม.ค.-27 ส.ค ) มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยแล้วกว่า 17,500,000 คน และมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาแล้ว 2,182,038 คน เป็นอันดับ 2 รองจากมาเลเซีย
สำหรับข้อห่วงใยปัญหาธุรกิจสีเทา ซึ่งกระทบกับภาพลักษณ์ด้านลบและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั้น นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ชี้แจงนโยบายด้านการท่องเที่ยวในการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา ว่า
ถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะมีการลงนามความร่วมมือแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างเป็นระบบ ระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย และกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีน โดยบริหารจัดการปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ
เรื่องการยกเว้นวีซ่า ที่กล่าวว่าการยกเว้นวีซ่าเพื่อกระตุ้นท่องเที่ยวจะทำให้คนไทยเสียโอกาสในการทำธุรกิจ ประเทศจะเต็มไปด้วยธุรกิจสีเทา มีคนไม่ดีเข้ามาแย่งงานนั้น
เรื่องธุรกิจสีเทาและธุรกิจผิดกฎหมายทุกประเภทเป็นเรื่องที่ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นความผิดประเภทใดก็ตาม
จำนวนนักท่องเที่ยวจีนกว่า 2.23 ล้านคนที่เข้ามาตั้งแต่ต้นปี สามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 1 แสนล้านบาท เราไม่ควรเหมารวมว่าทั้งหมดนั้น เข้ามาทำธุรกิจแย่งคนไทย หรือทำผิดกฎหมายไปเสียหมด แต่หากพบว่ามีการกระทำผิด ก็จะต้องใช้กฎหมายดำเนินการให้เด็ดขาด
ในความเป็นจริง การที่นักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น จะเพิ่มโอกาสอีกหลายประการให้เมืองไทย รวมถึงเมืองรองอื่นๆ ที่จะเติบโตด้วย โอกาสทางเศรษฐกิจและเงินจะเคลื่อนที่เร็วก็มาจากภาคอุตสาหกรรมบริการและการท่องเที่ยว
ในกรณีที่มีคนไม่ดี เข้ามาในรูปแบบของนักท่องเที่ยว กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้มีมาตรการการกวดขัน ปราบปรามและตรวจตรานักท่องเที่ยวที่ไม่ดี โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเข้าสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่
โดยจัดให้มีศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว 24 ชั่วโมง และจัดให้มีแอปพลิเคชันเพื่อให้นักท่องเที่ยวดาวน์โหลดเพื่อสามารถขอความช่วยเหลือและแจ้งข้อมูลให้กับตำรวจท่องเที่ยว 24 ชั่วโมงเช่นเดียวกัน จึงทำให้การช่วยเหลือ การจับกุม การตรวจตรา และการป้องกันปราบปรามนักท่องเที่ยวไม่ดีนั้น มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
ปัญหาทั้งหมดที่ได้กล่าวมา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไม่ได้นิ่งนอนใจ และจะขอทำงานเชิงรุกกับบูรณาการกับทุกกระทรวงและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อไปสู่การเปลี่ยนแปลงการท่องเที่ยวครั้งใหญ่ นำมาซึ่งความยั่งยืนทั้งในเชิงคุณภาพและเชิงเศรษฐกิจ