นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายทำงานให้กับข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ว่า ได้มอบ 7 นโยบายสำคัญ คือ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส โดยเน้นรดน้ำที่ราก ดูแลคนตัวเล็ก เพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชน หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติปรับลดต้นทุนต่างๆ ทั้งค่าไฟฟ้า และค่าน้ำมันแล้ว ซึ่งมีผลให้ต้นทุนสินค้าลดลง อีกทั้งยังต้องบริหารให้เกิดความสมดุล ทั้งของประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ “รัฐบาลจะลดรายจ่ายของประชาชนให้ได้มากที่สุด แต่ผู้ผลิตก็ต้องอยู่ได้ด้วย ซึ่งได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในไปหารือ ทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการ มีระยะเวลา 15 วันที่จะมาแจ้งว่าสินค้าใดลดราคาลงได้ หรือไม่ได้ แต่ตั้งเป้าต้องทำให้ได้ และเชื่อว่าผู้ประกอบการเข้าใจ”
สำหรับสินค้าเกษตรจะบริหารจัดการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยผลผลิตจะต้องขายได้ในราคาที่เหมาะสม จัดช่องทางการจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เช่น ปุ๋ยเคมี ค่าเมล็ดพันธุ์ ค่าเครื่องจักร และผลักดันให้มีการแปรรูป เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า ซึ่งจะทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนการร่วมขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต มีข้อท้วงติงจากประชาชนว่ารัศมี 4 กิโลเมตร อาจไม่สะดวกในบางพื้นที่ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปช่วยได้ เช่น เชื่อมโยงกับร้านค้าธงฟ้า, ร้านอาหารธงฟ้า, ตลาดต้องชม, ฟาร์ม เอาต์เลต,หมู่บ้านทำมาค้าขาย รวมถึงอาจช่วยให้ประชาชนที่ได้เงินดิจิทัล นำไปทำธุรกิจเล็กๆ เช่น ซื้อแฟรนไชส์
ด้านนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า การดูแลสินค้าเกษตรนั้น นโยบายรับจำนำ ไม่ต้องพูดถึง ไม่นำกลับมาทำแน่นอน ส่วนประกันรายได้เกษตรกร ต้องใช้เงินจำนวนมาก แต่จะใช้มาตรการเสริมเพื่อดึงผลผลิตส่วนเกินออกจากตลาดในช่วงที่ผลผลิตออกมาก จะช่วยผลักดันให้ราคาสูงขึ้นได้ เป็นกลไกที่เดินได้ตามธรรมชาติ ส่วนการปรับลดราคาสินค้านั้น กรมการค้าภายในมีโครงสร้างต้นทุนสินค้าอยู่แล้ว และได้ให้ไปดูว่ามีต้นทุนจากราคาน้ำมันสัดส่วนเท่าไรของต้นทุนผลิตทั้งหมด น่าจะเสร็จใน 15 วัน จากนั้นก็จะรู้ว่ามีสินค้าใดบ้างที่จะลดราคาได้ อย่างไรก็ตาม อยากขอเวลา และขอโอกาสทำงานด้วย ซึ่งจะทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน.