สร้างรายได้-พักหนี้เกษตรกร “ธรรมนัส” ลุยแก้ปัญหาสะสมหวังชุบชีวิตใหม่

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

สร้างรายได้-พักหนี้เกษตรกร “ธรรมนัส” ลุยแก้ปัญหาสะสมหวังชุบชีวิตใหม่

Date Time: 12 ก.ย. 2566 05:02 น.

Summary

  • “ธรรมนัส” เดินหน้าสร้างรายได้เกษตรกรภายใต้นโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ตามแผนระยะสั้น กลาง ยาวของรัฐบาล ด้านชาวไร่อ้อยตบเท้าหารือ “ธรรมนัส” หวัง นำอ้อยมาอยู่ในความดูแลของเกษตรแทนอุตสาหกรรม เหตุมีงบช่วยเหลือมากกว่า ส่งสัญญาณภัยแล้งฉุดผลผลิตดิ่ง

Latest

“เช่าบ้าน” ดีกว่า ซื้อบ้าน จริงหรือไม่? เมื่อราคาอสังหาฯ นับวันยิ่งแพง คนรุ่นใหม่ ยากจะเป็นเจ้าของ

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า เตรียมเดินหน้านโยบายการสร้างรายได้ภาคการเกษตร ภายใต้นโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” โดยจะเรียกประชุมผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ เพื่อเดินหน้าสะสางปัญหาของเกษตรกรที่สะสมมานาน ตามแผนระยะสั้น กลาง และยาวของรัฐบาล หลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 11-12 ก.ย.66

สำหรับแผนระยะสั้น ได้แก่ การพักหนี้เกษตรกรตามเงื่อนไขและคุณสมบัติที่เหมาะสม และมาตรการช่วยประคองภาระหนี้สิน เร่งแก้ปัญหาการทำประมง โดยต้องทำตามกฎการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (ไอยูยู) รวมทั้งแก้ไขกฎหมาย และบังคับใช้กฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมประมงให้เหมาะสม เพื่อเร่งฟื้นชีวิตอุตสาหกรรมประมงให้กลับมาเป็นแหล่งรายได้ของประเทศ และแก้ปัญหาค้างเก่าโดยไม่สร้างปัญหาใหม่

“หลังรัฐบาลแถลงนโยบายแล้ว กระทรวงต้องเร่งทำงานให้บรรลุเป้าหมาย สร้างรายได้ให้เกษตรกรเพิ่มขึ้น โจทย์ใหญ่คือ ลดต้นทุนให้มากที่สุด เพื่อให้เหลือส่วนต่างเป็นรายได้สุทธิมากที่สุด พร้อมแก้ปัญหาที่ดินทำกินในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) เร่งทำให้ประชาชนมีสิทธิในที่ดิน และพิจารณาเอกสารสิทธิการใช้ประโยชน์ให้เป็นโฉนด”

ส่วนแผนระยะกลางและระยะยาว คือ การบริหารจัดการภาคเกษตร ที่ครบถ้วนทุกด้าน ตั้งแต่ดิน น้ำ พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ กลไกราคา แหล่งเงินทุน นวัตกรรม และกรรมสิทธิ์ที่ดินของเกษตรกร รวมถึงสนับสนุนให้เปลี่ยนแปลงการปลูกพืชให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ และเศรษฐกิจ และแปรรูปพืชเกษตรให้มีมูลค่าสูงขึ้น นอกจากนี้ จะเพิ่มประสิทธิภาพ และผลิตภาพของภาคเกษตร, บริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ, บริหารจัดการแปลงเกษตรด้วยนวัตกรรมเกษตรแม่นยำ, วิจัย พัฒนาพันธุ์ เพื่อเพิ่มผลผลิต และเพิ่มมูลค่าผลตอบแทนต่อไร่ให้สูงขึ้น เป็นต้น

ด้านนายวีระศักดิ์ ขวัญเมือง ผู้แทนชาวไร่อ้อย ในคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) กล่าวว่า ตัวแทนชาวไร่ทั่วประเทศเตรียมเข้าพบ ร.อ.ธรรมนัส เพื่อหารือถึงแนวทางการสนับสนุนให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยย้ายมาอยู่ในการดูแลของกระทรวงเกษตรฯแทน จากปัจจุบันอยู่กับกระทรวงอุตสาหกรรม เพราะมีปัจจัยการสนับสนุนมากมาย สามารถยกระดับผลผลิตอุตสาหกรรมอ้อยให้มีศักยภาพมากขึ้นได้ในระยะยาว

“กระทรวงเกษตรฯดูแลภาคเกษตรโดยตรง มีงบประมาณโดยตรงในการพัฒนา และอัตราดอกเบี้ยช่วยเหลือเกษตรกรก็ต่ำกว่า เมื่อเทียบกับการอยู่ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม ส่วนในแง่กฎหมาย อาจตราเป็น พ.ร.บ.ใหม่ หรือปรับปรุง พ.ร.บ.อ้อย เพื่อให้ย้ายไปได้ ยอมรับว่าอาจใช้เวลา แต่หากรัฐบาลเห็นด้วย ทุกอย่างก็จะเร็วขึ้น”

ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยและทั่วโลกเผชิญปรากฏการณ์ เอลนีโญ คาดว่าการผลิตอ้อยฤดูหีบปี 66/67 ที่จะเปิดหีบปลายปีนี้ผลผลิตอาจเหลือต่ำกว่า 70 ล้านตัน จากปี 65/66 ที่ 93.88 ล้านตัน และฤดู 67/68 ยังมี แนวโน้มลดลงอีกจากภัยแล้งที่คาดจะรุนแรงขึ้น ประกอบกับชาวไร่อ้อยบางส่วนหันปลูกมันสำปะหลัง ที่ราคาสูงกว่า และดูแลง่ายกว่าการปลูกอ้อย

“ผลผลิตอ้อยที่ลดลง ทำให้อินเดียงดส่งออกน้ำตาลทรายในเดือน ต.ค.นี้ ส่งผลให้ราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกสูงขึ้น ต้องติดตามผลผลิตของบราซิล แต่ของไทยลดลงต่ำกว่าที่คาดไว้ จากเดิมมองไว้ถึง 80 ล้านตัน ซึ่งราคาน้ำตาล โลกที่สูงขึ้น ส่งผลให้ราคา อ้อยขั้นต้นปี 66/67 เฉลี่ยอยู่ที่ 1,300 บาทต่อตัน ที่ความหวาน 10 ซี.ซี.เอส. แม้ว่าราคาดี แต่ปริมาณที่ลดลง และต้นทุนที่เพิ่ม ก็ไม่ได้ทำให้ชาวไร่ได้รับประโยชน์เต็มที่นัก”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ