นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า เศรษฐกิจในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัว ตามการใช้จ่ายในประเทศ และภาคบริการที่ยังฟื้นตัวต่อเนื่อง สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ที่เตรียมจะออกมานั้น เม็ดเงินส่วนใหญ่ไม่น่าจะช่วยเพิ่มการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ได้มากนัก ขณะที่เม็ดเงินส่วนใหญ่จะไปลงในเศรษฐกิจปีหน้า ทำให้ยังไม่ต้องปรับประมาณการ เบื้องต้น มี 3 ปัจจัยที่จะดีขึ้นในปีหน้า โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น เศรษฐกิจโลกจะอยู่ในช่วงกลับมาฟื้นตัว ซึ่งจะดีต่อภาคการส่งออกของไทย และจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ที่ออกมา ซึ่งจะช่วยเพิ่มการใช้จ่ายและช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวมากขึ้น
ต่อข้อถามที่ว่า ธปท.ได้มีการประเมินผลจากโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้คนไทยอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปอย่างไร นายสักกะภพ กล่าวว่า โครงการแจกเงินดิจิทัล เป็นหนึ่งในโครงการที่ ธปท.นำมาประเมินภาพความเสี่ยงจากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย เพราะมีเม็ดเงินจำนวนมาก โดยเป็น ความเสี่ยงด้านบวกที่จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งหากมีการแจกเงินดิจิทัลในคนอายุ 16 ปีขึ้นไป จะใช้เงินประมาณ 560,000 ล้านบาท หรือประมาณ 3% ของจีดีพี ถ้าเงินเข้าระบบหากหมุน 1 รอบก็จะทำให้จีดีพีเพิ่มขึ้นได้ 3% ซึ่งเท่าที่ติดตาม หากเป็นการหมุนโดยเงินโอน อาจจะหมุนน้อยกว่าเงินสดนิดหน่อย จะต้องติดตามว่าเมื่อเงินลงไปจริง จะหมุนได้กี่รอบ
“ส่วนผลกระทบต่อเงินเฟ้อนั้น จะต้องดูวิธีการจ่ายเงินว่าจะเป็นการจ่ายอย่างไร ระยะเวลาเท่าไร และที่ผ่านมา ธปท.พบว่าผลกระทบต่อเงินเฟ้อให้สูงขึ้นจากด้านอุปสงค์นั้น ต่ำกว่าด้านอุปทาน ทำให้ต้องติดตามว่า เมื่อมีเงินก้อนใหญ่เข้ามาในระบบจะเป็นอย่างไร แต่ก็น่าจะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเงินเฟ้อลดต่ำลง นอกจากนั้น ในทางด้านเทคนิคจะออกเป็นเหรียญดิจิทัล (Utility Token) หรือไม่ ส่วนตัวผมทราบ และไม่แน่ใจว่าได้มีการมาหารือกับ ธปท.แล้วหรือไม่ เพราะผมไม่ได้อยู่สายที่ดูแลเรื่องเงินดิจิทัล”.