เปิดขุมทรัพย์ตลาดฮ่องกงไปโลด โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิไทยยังเป็นสินค้าอันดับ 1

นางชณันภัสร์ พิศาลอภิพงศ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง เปิดเผยว่า เป้าหมายการส่งออกไทยไปในตลาดฮ่องกงปี 2566 ตั้งเป้าหมายจะขยายตัว 1-2% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 350,000 ล้านบาท โดยที่ผ่านมาแม้ว่าเศรษฐกิจฮ่องกงจะชะลอตัวในช่วงโควิด-19 แต่ขณะนี้เศรษฐกิจฮ่องกงเริ่มฟื้นตัว แต่เทรนด์ของสินค้าและพฤติกรรมผู้บริโภคของคนในฮ่องกงมีการเปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น จึงเป็นโอกาสในการส่งออกสินค้าไทยในตลาดฮ่องกงในปี 2566 นี้ โดยเฉพาะในกลุ่มโปรตีนจากพืช อาหารเพื่ออนาคต (ฟิวเจอร์ฟู้ด) สินค้าออแกนิกส์ จะเป็นโอกาสของการส่งออกสินค้าไทยไปฮ่องกง

“ตลาดฮ่องกงยังเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทย โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ซึ่งตลาดข้าวไทยในฮ่องกงแนวโน้มการส่งออกค่อยๆดีขึ้น โดยข้าวหอมมะลิไทยยังเป็นสินค้าอันดับ 1 ในตลาดฮ่องกง แต่ก็ยอมรับว่าพฤติกรรมการบริโภคข้าวมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ความต้องการบริโภคข้าวลดลง คนฮ่องกงหันไปรับประทานธัญพืชอื่น เพราะกังวลเรื่องของสุขภาพ จึงมองว่าในการทำตลาดข้าวอาจจะผลักดันตลาดข้าวเพื่อสุขภาพมากขึ้น เช่น ข้าวสี ข้าวออแกนิกส์ ข้าว กข 43 ข้าวไรซ์เบอร์รี่ที่มีน้ำตาลน้อย เพื่อเข้ามาทดแทน ส่วนผลกระทบจากการปรับราคาข้าวของไทยไม่ได้กระทบมากนัก และผู้ค้ามีการเจรจาสั่งออเดอร์ไว้ล่วงหน้ากันไปแล้ว”

นางชณันภัสร์กล่าวว่า นอกเหนือจากการขยายสินค้าให้กับคนฮ่องกงที่ยังมีกำลังซื้อสูงแล้ว ธุรกิจที่มีโอกาสดึงดูดกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งมีจำนวนมากขึ้นและมีความต้องการหาที่อยู่อาศัยในช่วงเกษียณ ยังเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ เพราะราคาอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงมีราคาสูง ค่าครองชีพก็แพงเป็นอันดับต้นๆของโลก ทำให้ไทยเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คนฮ่องกงสนใจที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ หรือมาพักบ้านพักผู้สูงอายุที่มีบริการดูแลสุขภาพ ในไทย รวมถึงการมาตรวจร่างกายของกลุ่มผู้สูงอายุ หรือกลุ่มทำงาน จึงเป็นช่องทางและโอกาสที่ประเทศไทยจะดึงลูกค้ากลุ่มนี้ และหากทำได้ ประเทศไทยจะมีเม็ดเงินสะพัดเข้าประเทศจำนวนมาก และกลุ่มคนเหล่านี้เป็นผู้ที่มีกำลังซื้อสูง.