เอกชนแห่ยินดีท่วมท้น ดีใจได้นายกฯคนที่ 30 จี้เร่งจัดตั้งรัฐบาล ออกนโยบายเดินหน้าเศรษฐกิจ แก้ปัญหาปากท้อง ด้าน ส.อ.ท.เชื่อมั่น “เศรษฐา” จะพารัฐบาล นิด 1 ฝ่ามหาพายุเศรษฐกิจไปได้ ด้านแอตต้าอยากได้ รมว.การท่องเที่ยวฯจากพรรคเพื่อไทย หวังมีนโยบายเชิงรุกแก้ท่องเที่ยวตรงใจตรงจุด
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึง กรณีที่ประเทศไทยได้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หลังรัฐสภามีมติเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งว่า เป็นสิ่งที่เชื่อว่าเป็นข่าวดีแห่งปี ตามที่คนไทยทุกคนและภาคเอกชนรอคอยมากกว่า 100 วัน และจากนี้ไปนายกรัฐมนตรีคนใหม่ต้องไปเร่งฟอร์มคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ และถือว่าอยู่ในไทม์ไลน์ที่ภาคเอกชนคาดการณ์ไว้ว่าจะได้นายกรัฐมนตรีภายในเดือน ส.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม ในระยะต่อไป คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และ ส.อ.ท. มองว่ารัฐบาลชุดใหม่จะไม่มีเวลา ฮันนีมูน แต่จะต้องเริ่มทำงานได้ทันที และเชื่อว่าคนไทยทุกคนพร้อมให้โอกาสรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ เพราะยังเชื่อมั่นและเห็นฝีมือการบริหารประเทศในช่วงก่อนหน้านี้ ที่สำคัญการได้นายเศรษฐาที่มีประสบการณ์การบริหารธุรกิจเป็นนายกรัฐมนตรี ก็จะมีการคัดเลือกทีมงานรัฐมนตรีที่มีคุณภาพ เข้าใจปัญหาด้านเศรษฐกิจว่าควรจะมีนโยบายแก้ไขปัญหาอย่างไร โดยปัญหาหลักๆที่รัฐบาลใหม่ต้องแก้ไขเร่งด่วนคือ การส่งออกที่ชะลอตัวลง ราคาพลังงานที่ยังผันผวน การขาด สภาพคล่องของเอสเอ็มอี ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่มี สัดส่วนที่สูงขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องเร่งแก้ไขก่อนที่จะเลวร้ายไปมากกว่านี้
“ผมขอเสนอแนะให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ คัดเลือกบุคคลที่จะมาเป็นทีมเศรษฐกิจที่เป็นดรีมทีม แม้อยู่ต่างพรรคในหลายๆกระทรวงเศรษฐกิจ แต่ก็ขอให้ร่วมมือกันทำงานให้เป็นเอกภาพแม้มาจากต่างพรรค สิ่งเหล่านี้จะเป็นเกราะกำบังให้รัฐบาลสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง”
ขณะที่นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยกรณีเดียวกันว่า เป็นเรื่องน่ายินดี และเป็นไปตามความต้องการของหลายฝ่ายที่ต้องการให้มีรัฐบาลชุดใหม่เร็วที่สุด เพื่อเดินหน้าเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยหลังจากนี้จะต้องติดตามว่าจะมีบุคคลใดมาเป็น ครม. โดยภาคเอกชนหวังว่า จะพิจารณาบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ เชี่ยวชาญและเหมาะสมในแต่ละด้านอย่างแท้จริง
สำหรับประเด็นเร่งด่วนที่รัฐบาลใหม่ต้องเร่งดำเนินการ คือ 1.แก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดค่า ครองชีพ และลดต้นทุนภาคเอกชนทั้งค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า รวมทั้งการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการ 2.เร่งส่งเสริมความโดดเด่นภาคการท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้าย 3.เร่งเบิกจ่ายงบประมาณที่ยังค้างท่ออยู่ จัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 67 เร่งสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน เพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนใหม่ๆจากต่างชาติ โดยมั่นใจว่า หากรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศจะเน้นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างจริงจังและตรงจุด รวมถึงดำเนินการ ตาม 3 ข้อเสนอเร่งด่วนของหอการค้าไทย ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ กลับมาเติบโตได้โดดเด่น และทำให้ทั้งปีนี้เติบโตได้เกิน 3.0%
ด้านนายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่ง สินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า หลังจากที่ได้นายกฯคนใหม่แล้ว ภาคเอกชนรอดู 3 เรื่องหลังจากนี้ คือ 1.การเร่งจัดตั้งรัฐบาล อย่ารอนานกว่านี้ 2.ไม่ต้องการเห็นความรุนแรงอีกแล้ว และ 3.อยากให้เร่งทำงานโดยเร็ว เพราะขณะนี้ ประเทศไทยมีปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้ามาก ทั้งภาคการส่งออกปีนี้ที่ลดลงมาก ภัยแล้งเริ่มรุนแรงขึ้น ต้นทุนผลิตอยู่ในระดับสูง ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งปัญหาสำคัญเหล่านี้รอรัฐบาลอยู่ ขอให้เร่งรีบการแก้ไข “นายกฯคนใหม่ และ ครม.ชุดใหม่จะสร้างความเชื่อมั่นได้มากน้อยเพียงใด ก็ต้องขึ้นอยู่กับการทำงานและนโยบายต่างๆที่จะออกมา แต่อยากให้เห็นแก่ประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ หากการทำงานของรัฐบาลใหม่ตอบโจทย์ 3 ข้อนี้ได้ ก็น่าจะนำพาประเทศชาติไปได้”
ด้านนายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ดีใจ ที่ได้นายกรัฐมนตรีแล้ว ลำดับต่อไปคือการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี เรื่องสำคัญที่อยากให้รัฐบาลชุดใหม่ทำคือเรื่องของการปราบทุจริต ปราบโกงแก้ปัญหาคอร์รัปชันและแก้ปัญหายาเสพติด เพราะเข้าใจว่านายเศรษฐาจะให้ความสำคัญเรื่องของเศรษฐกิจอยู่แล้ว แต่ต่อให้เศรษฐกิจดีแล้วยังมีปัญหาข้างต้น ประเทศก็ไปไหนไม่ได้ และขอว่าวิธีสกปรกไม่เอาแล้ว ซึ่งคิดว่านักการเมืองก็รู้กันอยู่แล้วว่าต้องทำงานในทิศทางที่เปลี่ยนไป
“สำหรับเรื่องท่องเที่ยวภาคเอกชนคุยกันว่า อยากได้ รมว.การท่องเที่ยวฯที่มาจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคเดียวกับนายกรัฐมนตรี ไม่เช่นนั้นเวลาแก้ปัญหาอะไรก็มักจะติดขัดทำอะไรไม่ค่อยได้ และขอให้ รมว.การท่องเที่ยวฯคนใหม่ต้องมีนโยบายเชิงรุก ตามที่พรรคเพื่อไทยก็มีนโยบายที่จะส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยวหลายเรื่อง”.