นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจจีนที่มีการชะลอตัวลงในขณะนี้นั้น กระทรวงการคลังไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้สั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าไทยไปจีน ซึ่งในเบื้องต้นการส่งออกหมวดอาหารผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียนยังส่งออกได้ดี แม้ผลผลิตของไทยจะน้อยกว่าปกติ ส่วนประเด็นที่กังวลใจน่าจะเป็นเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยวจีน จากเดิมคาดหวังว่าจะเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น แต่เมื่อเศรษฐกิจจีนชะลอตัว เชื่อว่ารัฐบาลจีนจะส่งเสริมให้เที่ยวในประเทศจีนมากกว่า อย่างไรก็ตาม คาดหวังว่านักท่องเที่ยวจากเพื่อนบ้านและยุโรปจะเพิ่มขึ้นทดแทนนักท่องเที่ยวจีนได้
“ขณะนี้กระทรวงการคลังยังไม่ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยใหม่ เนื่องจากต้องรอระยะเวลาการประเมินภาพรวมอีกครั้ง ซึ่งกระทรวงการคลัง ได้ตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ที่ 3-4% ต่อปี”
ด้านนายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการ สศค. กล่าวว่า จากที่นักวิเคราะห์คาดว่าจีนเริ่มเข้าสู่ภาวะเงินฝืด เชื่อทางการจีนจะปรับเปลี่ยนนโยบายเพื่อ สนับสนุนเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างล่าช้า ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกทำให้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวได้ในครึ่งหลังของปี อย่างไรก็ดี ประเมินทิศทางเงินเฟ้อจีนทั้งปี 66-67 ยังพบว่าไม่ได้ติดลบ โดยหน่วยงานเศรษฐกิจได้คาดการณ์อัตรา เงินเฟ้อทั่วไปของจีน ในปี 66 อยู่ในช่วง 1.0-2.1% และในปี 67 อยู่ที่ 2.0% ขณะที่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย พบว่าในภาคการท่องเที่ยวคาดว่าภาวะเงินฝืดของจีนยังไม่มีผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของไทย จำนวนนัก ท่องเที่ยวรวมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-6 ส.ค.66 มีจำนวนทั้งสิ้น 15.9 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาเป็นอันดับ 2 ราว 1.9 ล้านคน รองจากมาเลเซีย 2.5 ล้านคน โดยปัจจุบันนักท่องเที่ยวชาวจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากระดับ 64,000 คนต่อสัปดาห์ เมื่อเดือน พ.ค.66 และเพิ่มเป็น 94,000 คนในเดือน ก.ค.66.