เงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ข้อดี-ข้อเสีย ที่พรรคเพื่อไทยต้องประเมิน เมื่อเดิมพัน คือ เศรษฐกิจ-การคลัง

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

เงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ข้อดี-ข้อเสีย ที่พรรคเพื่อไทยต้องประเมิน เมื่อเดิมพัน คือ เศรษฐกิจ-การคลัง

Date Time: 15 ส.ค. 2566 13:31 น.

Video

3 มาตรการใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คุมหุ้นร้อนผิดปกติ | Money Issue

Summary

  • จับกระแส พรรคเพื่อไทย ว่าที่รัฐบาลใหม่ เดินหน้านโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ชู กระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ - วางรากฐานสู่เศรษฐกิจดิจิทัล คาดคนไทย 50 ล้านคนได้สิทธิ์ ขณะนักวิชาการ จี้ทบทวนด่วน เหตุ ประเทศอาจได้ไม่คุ้มเสีย แนะใช้ Negative Income Tax ช่วยคนรายได้น้อย เฉพาะจุด ตรงเป้าหมายมากกว่า เหตุเศรษฐกิจโตไม่พอ สำหรับการแจกเงิน

Latest


จากกรณี “พรรคเพื่อไทย” ประกาศว่า พร้อมลุยแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ตามนโยบาย Digital Wallet หรือ กระเป๋าเงินดิจิทัล อย่างเต็มรูปแบบ ให้กับคนไทย หลังขึ้นเป็นรัฐบาลสำเร็จแล้ว เพื่อใช้ กระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศ และนำไทยเปิดประตูสู่สังคมดิจิทัล เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจราว 3 ล้านล้านบาท ซึ่งคาดจะเริ่มได้ตั้งแต่ 1 ม.ค. ปี 2567 เป็นต้นไป 

เงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ไม่ใช่คริปโต แต่เป็นเหรียญหรือคูปอง

โดยวิธีการเบื้องต้น จะแจกเงินเข้าสู่กระเป๋าเงินประชาชนตามเลขที่ลงทะเบียนไว้ คาดมีคนไทยอย่างต่ำ 50 ล้านคน ที่มีสิทธิ์ นับรวมเป็นเงินราวๆ 5 แสนล้านบาท ที่ใช้ในการดำเนิน นโยบาย “เหรียญดิจิทัลเพื่อไทย” 

ขณะรายละเอียดของคนที่จะได้รับเงิน 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทยและรูปแบบการใช้เงินดิจิทัลนั้น “เผ่าภูมิ โรจนสกุล” โฆษกคณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรค ระบุว่า...

  • จะต้องเป็นผู้ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 16 ปี (คนพิการ คนชรา ก็ได้รับสิทธิ์เต็มจำนวน ไม่หัก)
  • สามารถใช้จ่ายเงินดิจิทัลนี้ ซื้ออาหาร เครื่องดื่ม ยารักษาโรค เครื่องมือทำกิน ในร้านค้า-บริการรัศมี 4 กิโลเมตร ของบ้านพักตามภูมิลำเนา (ไม่สามารถซื้อของบนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้)
  • โครงการนี้จะมีระยะเวลาการดำเนินโครงการ 6 เดือน (ใช้ทีเดียว หรือ ทยอยใช้ก็ได้)
  • ให้สิทธิ์นี้ถ้วนหน้า แต่ประชาชนรายได้น้อยได้ประโยชน์สูงสุด
  • กรณีประชาชนที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ ขอแค่มีบัตรประจำตัวประชาชนและโค้ดสำหรับการใช้จ่ายก็สามารถใช้เงินดิจิทัลได้
  • ส่วนร้านค้าสามารถนำเงินดิจิทัลมาแลกเป็นเงินบาทได้กับธนาคารในโครงการในภายหลัง
  • กระเป๋าเงินดิจิทัล คือ เหรียญ (คูปอง) หรือสิทธิ์การใช้เงิน ไม่ใช่คริปโตเคอร์เรนซี ไม่ใช่เงินสกุลใหม่ แต่เป็นเหรียญ (คูปอง)

ทั้งหมดนี้ พรรคเพื่อไทย ยังตอบคำถามสังคมที่ว่า : สร้างประโยชน์ได้จริงไหม? 

ระยะสั้น : เพิ่มเงินในระบบ 6 เท่าตัว (ราว 3 ล้านล้านบาท)

ระยะกลาง : วางมาตรการและเงื่อนไขให้รัฐเก็บภาษีคืนได้

ระยะยาว : วางโครงสร้างพื้นฐานประเทศไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัล

#ThairathMoney ย้อนคำพูด “เศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ซึ่งเคยลั่นว่า นโยบายของเพื่อไทยต่างๆ จะพาคนไทยพ้นหลุมดำ ความยากจน ขณะ “นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต” จะเป็นจุดเริ่มต้นให้คนไทยลุกขึ้นทำมาหากินได้อีกครั้ง และหากจัดตั้งรัฐบาลเสร็จจะเริ่มดำเนินการให้ทันภายในวันที่ 1 ม.ค. 2567 อย่างแน่นอน 

ห่วง เงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท เพิ่มหนี้สาธารณะ แนะช่วยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อย 

จากประเด็นดังกล่าว มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์หนาหู โดยเฉพาะในแง่ลบ ว่า นโยบายแจกเงินของพรรคเพื่อไทย จะนำมาซึ่งความเสียหายในแง่การคลัง และหนี้สาธารณะของประเทศ โดยเฉพาะ หาก GDP ไทยไม่ได้เติบโตหวือหวา ระดับ 5-6% ตามฝันของรัฐบาลใหม่ ยิ่งมีความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ

ล่าสุด นักวิชาการอิสระ ฐานะ อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง “รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ” ก็ออกมาชี้ว่า การแจก นโยบาย Digital Wallet จำนวน 10,000 บาท ให้คนไทยอายุ 16 ปีขี้นไป ราว 50 ล้านคน จำเป็นต้องถูกทบทวนอย่างเร่งด่วน เพราะขณะนี้ เศรษฐกิจไทยไม่ได้อยู่ในภาวะวิกฤติแต่อย่างใด ขณะอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ แม้นไม่สูงไม่เต็มศักยภาพ แต่ก็น่าจะขยายตัวได้แค่อย่างต่ำ 3.5-3.6% เป็นอย่างน้อย 

ประเมินการใช้เงินจำนวนมากเพื่อแจกเงินให้ประชาชนทุกคนที่มีอายุ 16 ปี เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลในทางเศรษฐศาสตร์และการดำเนินนโยบายสาธารณะแต่อย่างใด โดยเสนอแนะ หากจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจควรใช้มาตรการอื่นแทนที่ไม่เพิ่มความเสี่ยงทางการคลังและมีประสิทธิภาพประสิทธิผลมากกว่า ซึ่งการโอนเงินหรือแจกเงิน เป็น มาตรการ Income Transfer ควรมุ่งไปที่ครอบครัวผู้มีรายได้น้อย หรือ ใช้บรรเทาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ ไม่ใช่แจกเงินให้เป็นการทั่วไป 

หากจะช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ใช้มาตรการ Negative Income Tax (NIT) จะดีกว่า หากมีเป้าหมายต้องการให้เป็นการทั่วไปทุกคน สำหรับผู้ที่มีรายได้ปานกลาง รายได้สูง หรือ นักธุรกิจหรือมหาเศรษฐีทั้งหลาย ลดภาษีให้ตรงๆ จะเหมาะสมกว่า เพราะไม่ต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน สิ้นเปลืองงบประมาณโดยไม่จำเป็น 

“ข้อควรระวังของนโยบายลักษณะโอนเงินหรือแจกเงิน ก็คือ ข้อจำกัดของโครงสร้างงบประมาณ ค่อนข้างมั่นใจว่า หากเดินหน้าทำตามนโยบายทันที ต้องก่อหนี้สาธารณะเพิ่มอย่างแน่นอน ซึ่งจะทำให้การขาดดุลงบประมาณปี 2567 เพิ่มทะลุ 1 ล้านล้านบาท หากเศรษฐกิจไม่สามารถขยายตัวได้ตามเป้า ไม่สามารถจัดเก็บภาษีมาสนับสนุนได้มากพอและต้องก่อหนี้อาจเกิดความเสี่ยงทางการคลังได้" 

“นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตเป็นมาตรการที่ใช้เม็ดเงินงบประมาณสูงกว่า 5 แสนล้านบาท มาตรการนี้ประสบความสำเร็จโดยมีเงื่อนไขว่า อัตราความโน้มเอียงในการบริโภคของครอบครัวที่มีรายได้น้อยอยู่ที่ประมาณ 0.7 และ ตัวทวีคูณทางการคลังอยู่ที่ 6 เท่า ก็จะทำให้มูลค่าจีดีพีเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านล้านบาท (กรณีโอนเงิน 5,000 บาท) และ เพิ่มขึ้น 3 ล้านล้านบาท (กรณีโอนเงิน 10,000 บาท) ถึงจะทำให้การตั้งเป้าหมายให้เศรษฐกิจเติบโตเต็มศักยภาพที่ระดับ 5-6% มีความเป็นไปได้”

หนุนเศรษฐกิจ-ช่วยเปลี่ยนผ่านยุคดิจิทัล

อย่างไรก็ดี ย้อนไปก่อนหน้า “รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช” ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เคยออกมาสนับสนุนนโยบายแจกเงินของพรรคเพื่อไทยในอีกแง่ ว่า หากว่าที่รัฐบาลใหม่ สามารถขับเคลื่อนได้จริงก็คงไม่มีปัญหา โดยประเมินข้อดี ว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยหมุนเวียนได้อย่างน้อย 2 รอบ รอบแรกเป็นเงินที่ใส่เข้าไปในกระเป๋า 5.5 แสนล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการบริโภคของประชาชน การลงทุนของภาคธุรกิจ และทำให้มีผลผลิตมวลรวมในประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้น 

ขณะรอบที่ 2 เมื่อรายได้เพิ่มจาก GDP ที่เพิ่มขึ้น จะทำให้เกิดการบริโภคหมุนอีกรอบ โดยรวมแล้วจะทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจตามมาอีกมาก แต่ก็มีข้อติติงห่วงใยเพิ่มเติม ฝากให้พรรคเพื่อไทยไปแกะโจทย์ให้ออกเช่นกัน เช่น ร้านค้าต่างๆ มีความพร้อมหรือไม่ และ หากในรัศมี 4 กิโลเมตร ไม่มีร้านค้า และ บริการ ให้ใช้จ่าย จะทำเช่นไร 

ส่วนในแง่การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ที่เป็นเป้าหมายรองของเพื่อไทย ก็มีผู้ที่อยู่ในวงการสินทรัพย์ดิจิทัลให้ความเห็นไว้เช่นกัน อย่าง “ศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์” นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย ซึ่งระบุว่า เบื้องต้นมอง ปัญหาของนโยบายนี้ ยังเป็นเรื่องของงบประมาณ ส่วนในเชิงเทคนิค และ วิธีการ ประเมินไม่ใช่เรื่องยาก ทำได้ เพราะเป็นการเปลี่ยนช่องทางการอุดหนุนเงินให้ประชาชน ที่จากเดิมรัฐบาลจะเติมเงินเข้าแอปฯ เป๋าตัง เปลี่ยนเป็นกระเป๋าดิจิทัลแทน 

ขณะจะเป็นการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีให้กับประชาชนหรือไม่นั้น “ศุภกฤษฎ์” ชี้ว่า ไม่น่ามีความยุ่งยาก เพราะคนไทยมีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยี ทั้งพร้อมเพย์ และเป๋าตัง อยู่ก่อนแล้ว...

จากข้อดี-ข้อเสีย ที่นำเสนอข้างต้น คงกลับมาที่คำถาม ว่า ถ้าวันนี้ มีคนแจกเงินดิจิทัลให้ “1 หมื่นบาท” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ คุณจะเอาไปทำอะไร? และความห่วงที่ว่านโยบายนี้ อาจนำมาซึ่ง ภาวะเงินเฟ้อ กลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง เราพร้อมรับมือหรือไม่ 

พร้อมๆ กับ ยังต้องเฝ้าติดตาม ความเคลื่อนไหวของ “ว่าที่รัฐบาล” พรรคเพื่อไทย ในแง่อื่นๆ อีก หลังจากประกาศ นโยบายที่จะเร่งดำเนินการ ไม่ใช่ แค่การแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึง การพักหนี้, ลดค่าน้ำมัน และ ลดค่าไฟฟ้า ให้กับคนไทย อีกด้วย...


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์