คุยลั่นทุ่งอนุมัติลงทุน 2 ล้านล้านบาท “ประยุทธ์” ตรวจเยี่ยม “อีอีซี”

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้า โครงการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และเยี่ยมชมศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะ (IOC) ศูนย์นวัตกรรมการผลิตยั่งยืน (EECi Aripolis-Sustainable Manufacturing Center : SMC) และเมืองนวัตกรรมชีวภาพ การเกษตรสมัยใหม่ (EECi Biopolis-Innovative Agriculture Smart Greenhouse) จ.ระยอง

โดยได้รับฟังสรุปความสำเร็จของอีอีซี 5 ปีแรก (2561-2565) อนุมัติเงินลงทุนเกินเป้าหมาย 2 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.5 ล้านล้านบาท มีมูลค่าออกบัตรส่งเสริมปี 2561 ถึงไตรมาส 2 ปีนี้ 1,360,349 ล้านบาท มูลค่าออกบัตรส่งเสริมการลงทุนสูงสุด ได้แก่ ปิโตรเคมี, ยานยนต์, เคมีภัณฑ์อุตสาหกรรม เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมอื่นๆ

ที่เกี่ยวข้อง อาทิ การผลิตไฟฟ้า จากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานสะอาด ระบบผลิตไฟฟ้าความร้อนร่วม ศูนย์กระจายสินค้า ศูนย์ธุรกิจระหว่างประเทศ อสังหาริมทรัพย์ เหล็ก วัสดุก่อสร้าง เป็นต้น โดยประเทศที่ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนสูงสุด 5 ลำดับแรก คือ ญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์ สหรัฐฯ ฮ่องกง

“นายกรัฐมนตรีย้ำถึงการสร้างการรับรู้ให้ประชาชน และสังคมได้รับทราบถึงความจำเป็นในการขับเคลื่อน ซึ่งขณะนี้ได้มีการขยายไปสู่การขับเคลื่อนอีอีซีในประเภทต่างๆ ทั้ง EECi, EECh (เขตส่งเสริมรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน) EECd (เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล) EECmd (เขตส่งเสริมศูนย์นวัตกรรมการแพทย์ครบวงจรธรรมศาสตร์ พัทยา) และ EECa (เขตส่งเสริมเมืองการบินภาคตะวันออก) เพื่อให้ประชาชนหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง ทำให้มีรายได้ในการพัฒนาประเทศมากขึ้น และแสดงความห่วงใยประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ต้องอยู่ในพื้นที่นี้มีความสุข ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมทั้งด้านกายภาพและจิตใจ รวมถึงการร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสีเขียว และอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ”

สำหรับการตรวจเยี่ยมโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ประกอบด้วย ช่วงที่ 1 การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในการพัฒนาพื้นที่ท่าเรือ 200 ไร่ รวมมูลค่า 47,900 ล้านบาท มีความก้าวหน้า 58.42% ส่วนช่วงที่ 2 การลงทุนพัฒนาก่อสร้างในส่วนของท่าเรือ โดยเอกชนเป็นผู้ลงทุนพัฒนาท่าเทียบเรือสินค้าเหลว เพื่อรองรับธุรกิจเกี่ยวเนื่อง จะรองรับการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติและสินค้าเหลวได้เพิ่มอีก 14 ล้านตันต่อปีในอีก 30 ปีข้างหน้า.