นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องของกระทรวงพาณิชย์ ทั้งกรมการค้าต่างประเทศ กรมการค้าภายใน และผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ หรือทูตพาณิชย์ ที่ประจำอยู่ในประเทศที่มีการผลิต ส่งออก หรือนำเข้าข้าว ให้ติดตามสถานการณ์ข้าวอย่างใกล้ชิด หลังจากที่อินเดียได้ประกาศห้ามส่งออกข้าวขาวตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.66 เพื่อนำข้อมูลหรือแนวโน้มที่เกิดขึ้นมากำหนดแผนและมาตรการเกี่ยวกับข้าวของไทยต่อไป
ทั้งนี้ ในส่วนของกรมการค้าต่างประเทศขอให้ติดตามสถานการณ์การส่งออกว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างไร ประเทศใดมีความต้องการเพิ่มขึ้น สถานการณ์ราคาส่งออกเป็นอย่างไร ส่วนกรมการค้าภายในให้ติดตามสถานการณ์ สต๊อกในประเทศ ราคาข้าวเปลือกในประเทศ และทูตพาณิชย์ให้ติดตามว่า แต่ละประเทศมีมาตรการและนโยบายในเรื่องข้าวอย่างไร มีความต้องการเพิ่มขึ้นหรือไม่ เมื่อเห็นภาพชัดเจนแล้วว่าทิศทางข้าวจะเป็นไปอย่างไร กระทรวงพาณิชย์จะทำแผนและมาตรการในเรื่องข้าว ซึ่งมีสมมติฐานตั้งแต่เบาไปหาหนัก แล้วแต่สถานการณ์ข้าวในตลาดโลกมีความรุนแรงมากน้อยเพียงใด ถ้าเริ่มเห็นสัญญาณความต้องการข้าวที่สูงขึ้น ก็จะมาพิจารณาว่าจะใช้มาตรการอะไรผลักดันการส่งออกข้าวของไทย
“มองว่า 1-2 สัปดาห์ จะเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่าแนวโน้มตลาดข้าวโลกจะเป็นอย่างไร เบื้องต้นในประเทศไม่มีปัญหาขาดแคลน เพราะไทยเป็นประเทศผู้ผลิตข้าวและเหลือส่งออก แต่จะส่งผลดีต่อการส่งออกข้าวมากกว่า และน่าจะทำการส่งออกปีนี้เกินเป้าหมาย 8 ล้านตัน เพราะอินเดียเป็นผู้ส่งออก ข้าวรายใหญ่ของโลก การห้ามส่งออกข้าวขาวจะช่วยทำให้ไทยสามารถส่งออกข้าวขาวได้เพิ่มขึ้น และทำให้ราคาข้าวในประเทศปรับตัวดีขึ้น”
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์มีความเป็นห่วงภัยแล้งที่เกิดขึ้นจากปรากฏการณ์เอลนีโญมากกว่า โดยมีการประเมินกันว่าจะเกิดต่อเนื่อง 1-3 ปี ซึ่งน่าจะมีผลกระทบต่อการเพาะปลูกข้าวของไทย และทำให้ปริมาณ ผลผลิตข้าวไทยลดลง ล่าสุดได้หารือกับปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แล้ว เพื่อร่วมกันทำแผนรับมือ.