นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า กลุ่มยานยนต์ได้ปรับเป้าหมายการผลิตรถยนต์ของไทยในปีนี้ลดลง 50,000 คัน จากเดิมวางเป้าหมายการผลิตรวมอยู่ที่ 1,950,000 คัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อการส่งออก 1,050,000 คัน และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 900,000 คัน โดยได้ปรับเป็นการผลิตรวม 1,900,000 คัน ลดลงจากเป้าเดิม 2.56% แบ่งเป็นการผลิตเพื่อการส่งออกคงเดิม 1,050,000 คัน แต่ลดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศลงเหลือเป็น 850,000 คัน หรือลดลง 5.56%
สำหรับสาเหตุหลักที่ปรับเป้าหมายลง เนื่องจากยอดจำหน่ายในประเทศลดลงต่อเนื่อง จากการเข้ามาของยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่เริ่มแย่งส่วนแบ่งการตลาดของรถยนต์ที่ใช้น้ำมันหรือสันดาปภายในมากกว่า 5% ซึ่งเป็นรถยนต์นำเข้าที่ยังไม่ได้ผลิตในประเทศและครึ่งปีหลังยังต้องติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ หากมีการนำรถอีวีที่มีราคาต่ำเข้ามาทำตลาดในประเทศเพิ่มขึ้นอีก จะกระทบกับรถยนต์ที่ผลิตได้จากในประเทศเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันสถาบันการเงินยังคงเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อรถยนต์จากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 90.6% ของอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) และการส่งออกของไทยที่ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ทำให้มีการลดกะการผลิตและลดการทำงานทำให้อำนาจซื้อรถยนต์ของประชาชนลดลง รวมถึงสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยที่ยังคงเป็นขาขึ้น และค่าครองชีพที่สูง ประชาชนจึงระมัดระวังการใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่ยังล่าช้า ยังไม่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์อย่างมีนัยสำคัญ.