การรถไฟฯอัปเดตความก้าวหน้าก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน ข่าวดีพร้อมเปิดใช้งานเดือนกันยายนนี้ เพิ่ม 3 โครงการ เริ่มจากสถานีนครปฐม–ประจวบคีรีขันธ์ถึงสถานีสะพลี จังหวัดชุมพร
นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วนว่า ตามที่การรถไฟฯ ได้ลงนามสัญญาโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 7 เส้นทาง และโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ 2 เส้นทาง ตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมขนส่งของไทยปี 2558-65 นั้น นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ให้ความสำคัญติดตามการก่อสร้างใกล้ชิด เพื่อให้การพัฒนาโครงข่ายรถไฟทางคู่สามารถเปิดให้บริการได้ตามแผนที่กำหนดและส่งผลให้ขณะนี้การดำเนินโครงการต่างๆมีความก้าวหน้า โดยมีรายละเอียด ดังนี้ โครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการแล้ว 2 โครงการ คือ
1.โครงการช่วงชุมทางฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้-แก่งคอย
2.โครงการช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น
โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและใกล้แล้วเสร็จ 3 โครงการ ได้แก่ โครงการช่วงนครปฐม-หัวหิน โครงการช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ และช่วงประจวบคีรีขันธ์ -ชุมพร มีรายละเอียด ได้แก่
1.โครงการช่วงนครปฐม-หัวหิน สัญญา ที่ 1 นครปฐม-หนองปลาไหล ระยะทาง 93 กม. ผลงาน 97.183% ส่วนสัญญาที่ 2 หนองปลาไหล-หัวหิน ระยะทาง 76 กม. ผลงาน 97.535%
2.โครงการช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 84 กม. ผลงาน 99.999%
3.โครงการช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร สัญญา 1 ประจวบ คีรีขันธ์-บางสะพานน้อย ระยะทาง 88 กม. ผลงาน 93.510% สัญญา 2 บางสะพานน้อย-ชุมพร ระยะทาง 79 กม. ผลงาน 96.523% และส่วนงานระบบอาณัติสัญญาณสายใต้ ระยะทาง 420 กม. ผลงาน 48.147%
“ภาพรวมทั้ง 3 โครงการ ในส่วนงานโยธาใกล้เสร็จครบทั้งหมด และเริ่มมีการทดลองเปิดใช้ทางคู่ใหม่บางช่วงเพื่อทดสอบระบบทางไปแล้ว จากนั้นการรถไฟฯมีแผนเปิดใช้งานจริงช่วงเดือน ก.ย.66 โดยเริ่มจากสถานีนครปฐมถึงสถานีสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ระยะทาง 400 กิโลเมตร จากนั้นจะขยายไปถึงปลายทางที่สถานีชุมพรในปลายเดือน ธ.ค.66 ซึ่งจะดำเนินการคู่ขนานไปกับงานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม และตั้งเป้าเปิดใช้งานได้เต็มระบบปี 68
สำหรับโครงการรถไฟที่อยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 2 โครงการ ได้แก่ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ และช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ มีรายละเอียด ดังนี้ 1.โครงการช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ สัญญาที่ 1 บ้านกลับ-โคกกะเทียม ระยะทาง 32 กม. ผลงาน 86.67% สัญญาที่ 2 ท่าแค-ปากน้ำโพ ระยะทาง 116 กม. ผลงาน 78.44% ส่วนงานระบบอาณัติสัญญาณ สายเหนือ ระยะทาง 148 กม.ผลงาน 32.160% และ 2.โครงการช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญาที่ 1 มาบกะเบา-คลองขนานจิตร ระยะทาง 58 กม. ผลงาน 96.220% สัญญาที่ 2 คลองขนานจิตร-ชุมทางถนนจิระ 1 ระยะทาง 69 กม. ยังไม่ได้ลงนามสัญญา สัญญาที่ 3 อุโมงค์รถไฟ ระยะทาง 5 กม.ผลงาน 98.137% ส่วนงานระบบอาณัติสัญญาณ สายตะวันออกเฉียงเหนือ ระยะทาง 132 กม. ผลงาน 21.560%
ขณะที่โครงการทางรถไฟสายใหม่ 2 โครงการ ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และช่วงบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม ขณะนี้มีแผนก่อสร้างอยู่ระหว่างดำเนินการ 4 สัญญา ส่วนใหญ่เพิ่งเริ่มก่อสร้าง
นายเอกรัชกล่าวว่า เมื่อการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน 7 เส้นทาง และเส้นทางสายใหม่ 2 เส้นทางแล้วเสร็จ จะช่วยเพิ่มสัดส่วนทางคู่ทั่วประเทศมากถึง 10 เท่า หรือคิดเป็น 65% ของระยะทางรวมทั้งหมด มากกว่าเดิมที่มีทางคู่เพียง 6% อีกทั้งยังช่วยร่นระยะเวลาการเดินทางได้ 1-1.50 ชั่วโมง รองรับปริมาณการขนส่งสินค้าและขนส่งผู้โดยสารที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งจากถนนสู่การขนส่งทางรางที่มีต้นทุนต่ำกว่า ตลอดจนเชื่อมโยงกับขนส่งกับประเทศเพื่อนบ้านได้ด้วย.