น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมบัญชีกลาง ได้ปรับปรุงเงื่อนไขในมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ภายในประเทศ ให้สามารถเข้ามาแข่งขันการประมูลงานภาครัฐเพิ่มเติม ด้วยมูลค่าโครงการที่เข้าร่วม ประมูลในแต่ละปี จะต้องไม่เกินรายได้ของผู้ประกอบการรายนั้น เช่น ผู้ประกอบการรายนั้นมีรายได้ที่แจ้งว่าต่อปี 300 ล้านบาท แต่เข้าประมูลโครงการแรก มีมูลค่าโครงการ 250 ล้านบาท และเข้าประมูลโครงการที่สองที่มีมูลค่า 250 ล้านบาท ซึ่งเกินกว่ารายได้ของผู้ประกอบการรายนั้นแล้ว ดังนั้นหากผู้ประกอบการรายดังกล่าวชนะการ ประมูลทั้งสองโครงการ โครงการที่สองจะไม่ได้รับแต้มต่อ
ทั้งนี้ ถือเป็นมาตรการเพิ่มเติม นอกเหนือจากมาตรการความต่างของราคา คือ กรณีเอสเอ็มอีเข้าประมูลงานภาครัฐ หากผลการประมูลงานแล้วราคาประมูลที่ประกาศออกมาราคาของผู้ประมูลที่เป็นเอสเอ็มอี สูงกว่าผู้ประมูลรายใหญ่ ไม่เกิน 10% หน่วยงานเจ้าของโครงการ จะต้องเลือกให้เอสเอ็มอีเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการนั้นๆ เพื่อสนับสนุนเอสเอ็มอีในประเทศให้เติบโตขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ในปีงบประมาณ 2565 มีหน่วยงานของรัฐดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีแล้วทั้งสิ้น 488,367 ล้านบาท.