คนดวงจะเฮง...อะไรก็ฉุดไม่อยู่ เป็นคำฮอตฮิตในวัน “หวยออก” ล่าสุด “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ก็กลายเป็นคนดวงเฮง แถม “นำโชค” ให้คนชอบเสี่ยงโชค ถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัวตรงๆ เลข “30” งวดวันที่ 16 มิ.ย.2566 ที่ผ่านมา
ระหว่างเดินสายโรดโชว์ขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่มอบให้ในจังหวัดลำพูน โดย “พิธา” ได้ซื้อลอตเตอรี่เลขท้าย 30 จำนวน 2 ใบ บริเวณหน้าลานอนุสาวรีย์พระแม่จามเทวี จังหวัดลำพูน
แต่ไม่ใช่แค่งวดนี้เท่านั้นที่เป็นที่ฮือฮา เมื่องวดวันที่ 16 พ.ค.2566 “ด้อมส้ม” ก็ถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว ด้วยการนำเลขว่าที่นายกฯคนที่ 30 มาสลับเป็น 03 และตัวย่อพรรค “ก.ก.” มาตีเป็นเลข 99 โดยงวดดังกล่าว รางวัลที่ออกเลขท้าย 2 ตัว คือ “99” และท้ายรางวัลที่ 1 ออก 03
หวย “พิธา” น่าจะทำให้วงการหวยกลับมาคึกคักคักคึกอีกรอบ และเลขเด็ด เลขดัง อาจต้องจ่ายแพงขึ้น เพราะสลากมักขายเกินราคา แต่หากอยากซื้อหวยรัฐบาลราคาไม่แพงและไม่เกินราคา ก็ต้องลงทุน “สลากดิจิทัล” หรือ “หวยดิจิทัล” ที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้เพิ่มช่องทางการซื้อในฐานะทางเลือกในการซื้อสลากในราคาตรงปกตรงใบละ “80 บาท” ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งงวดวันที่ 1 ก.ค.2566 ได้เปิดจำหน่ายแล้วเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2566 ตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น. ทุกวัน หรือจนกว่าจำนวนสลากจะหมด โดยงวดนี้มีสลากดิจิทัลทั้งหมด 18.53 ล้านใบ จากตัวแทนจำหน่าย 37,061 ราย
แนวทางในการแก้ปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลขายเกินราคา ด้วยการวางจำหน่ายสลากดิจิทัล ซึ่งเปิดตัวงวดแรกเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.2565 มีอายุครบ 1 ปีเต็มแล้ว และภายในเดือน ส.ค.นี้ จะเพิ่มตัวแทนจำหน่ายอีก 2,000-3,000 ราย ซึ่งจะทำให้จำนวนสลากดิจิทัลเพิ่มขึ้นอีก 1-1.5 ล้านใบ สิริรวมมีจำนวนสลากดิจิทัลเกือบ 20 ล้านใบ เป็นไปตามเป้าหมายที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลวางไว้ว่าจะวางขายสลากดิจิทัลในสัดส่วน 20% ของจำนวนสลากทั้งหมดที่ 100 ล้านใบ
จากวันเริ่มจำหน่ายจนถึงวันนี้ เป็นเวลา 1 ปี จากยอดจำหน่ายครั้งแรก 5 ล้านใบ ทยอยเพิ่มจำนวนสลากทุกงวด จนถึงปัจจุบัน 18.53 ล้านใบ และได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง จำนวนผู้ซื้อผ่านแอปเป๋าตังรวม 5.7 ล้านคน และในทุกๆงวดจะมีผู้ซื้อรายใหม่ 50,000-70,000 คน
การออกสลากดิจิทัล แม้จะยังแก้ปัญหาสลากเกินราคาไม่ได้ทั้งหมด แต่เป็นกลไกทำให้ราคาสลากใบปรับลดลงมาเรื่อยๆ จากใบละ 150 บาท เหลือใบละ 100 บาท และบางงวดลงมาอยู่ที่ใบละ 80 บาท
แต่โดยธรรมชาติของการซื้อ “สลากดิจิทัล” จะเปิดขายในวันถัดไปหลังวันหวยออก ผู้ซื้อจะซื้อเลขดั่งใจได้ ซื้อได้ตามต้องการ ไม่มีอั้น ไม่มีกั๊ก โดยสลากดิจิทัลจะขายดีมากใน 3 วันแรก ต่างกับสลากใบที่จะขายดีก่อนวันออกรางวัล 2-3 วัน เพราะเลขเด่น เลขดัง จะออกมาใกล้ๆวันหวยออกแล้วหาซื้อไม่ได้ แผงใดมีเลขเด็ดเลขดัง ราคาสลากใบจะแพงหูฉี่ บางแผงโก่งราคาใบละ 120-150 บาท เมื่อผู้ซื้อต้องการเลขเด่นเลขดัง ก็ต้องยอมจ่าย
เรื่องนี้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลยอมรับว่าสลากเกินราคา ไม่มีวันหมดไปแน่ หากสัดส่วนสลากดิจิทัลอยู่ในระดับ 18-20%
แม้ทุกวันนี้การร้องเรียนปัญหาสลากเกินราคาจะน้อยลง เพราะประชาชนมีทางเลือกในการหาซื้อสลากใบละ 80 บาทได้มากขึ้น ขณะที่ผู้ค้าสลากรายย่อยที่รับโควตาจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลที่มีอยู่ 140,000 ราย ประท้วงน้อยลง เพราะทุกคนจะได้สลาก 3 เล่ม รวม 300 ใบ ไปจำหน่ายแน่นอน พร้อมกันนี้ยังได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มงวดจับกุมการจำหน่ายสลากเกินราคา โดยเน้นที่ต้นตอของการรับโควตาจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ไม่ได้เน้นจับกุมพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยที่เดินขายตามตลาดนัด ด้วยวิธีการล่อซื้อสลากที่ขายเกินราคา แล้วนำไปตรวจสอบว่าสลากใบนี้มีต้นตอจากแหล่งใด แล้วนำไปตัดโควตาเจ้าของสลากตัวจริง เนื่องจากทำผิดสัญญาที่ตกลงกันไว้ว่าจะไม่จำหน่ายด้วยตัวเอง นำไปขายยกเล่ม หรือขายเกินราคา
นอกจากนั้น ยังได้เสนอการออกสลากรูปแบบใหม่ ได้แก่ สลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก หรือ L6 และสลากกินแบ่งรัฐบาล ตัวเลข 3 หลัก หรือ N3 ขณะนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติในหลักการเป็นที่เรียบร้อย เหลือเพียงร่างกฎกระทรวงการคลัง และประกาศสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลที่รอเสนอ ครม.เห็นชอบในเร็วๆนี้
ตอนนี้จึงต้องรอลุ้นกันว่า “สลากดิจิทัล-สลาก L6-N3” จะช่วยแก้ปัญหาขายสลากเกินราคาให้ลดลงและหมดไปในที่สุดได้หรือไม่.
ดวงพร อุดมทิพย์