นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและวิกฤติโควิด-19 ได้ส่งผลให้ปัญหาหนี้สินครัวเรือนและหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้นนั้น ธ.ก.ส.ได้เปิดจุดให้คำปรึกษาที่ ธ.ก.ส.ทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่อแก้ไขและป้องกันหนี้นอกระบบในครัวเรือนของเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้การดำเนินงานมีความสะดวก รวดเร็ว และผู้ที่มีปัญหาหนี้สามารถเข้าถึง ธ.ก.ส.ได้ง่ายขึ้น สามารถแจ้งความประสงค์ผ่านทางออนไลน์ในโครงการ “มีหนี้นอกบอก ธ.ก.ส.” จากเดิมต้องไปที่สาขา โดยประชาชนต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่าน www.baac.or.th และไลน์ BAAC Family ได้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พร้อมกรอกข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็น ภาระหนี้สิน และช่องทางติดต่อกลับในระบบ
“ธ.ก.ส.มุ่งมั่นที่จะช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ให้เกษตรกรและบุคคลในครัวเรือน ควบคู่กับการเสริมสร้างอาชีพและรายได้ เพื่อให้หลุดพ้นกับดักหนี้นอกระบบได้อย่างยั่งยืน ที่ผ่านมา ธ.ก.ส.ได้เดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้เกษตรกรลูกค้ากลับเข้ามาอยู่ในระบบของ ธ.ก.ส. 710,123 ราย เป็นเงินกว่า 59,759.77 ล้านบาท”
นายฉัตรชัยกล่าวว่า ธ.ก.ส.ได้เตรียมวงเงินสินเชื่อเบื้องต้น 1,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน เพื่อนำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาหนี้สินเดิม หรือใช้ลงทุนเพื่อสร้างอาชีพและรายได้ เป็นต้น เช่น สินเชื่อกองทุนหมุนเวียนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจน เพื่อสงวนรักษาที่ดินจากการจำนอง ขายฝาก หรือใช้ที่ดินเป็นประกันหนี้ วงเงินสูงสุด 2.5 ล้านบาท ต่อราย อัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี หากชำระหนี้ดีต่อเนื่อง อัตราดอกเบี้ยจะลดเหลือ 4%, 3% และ 2% ต่อปี ตามลำดับ ระยะเวลาชำระไม่เกิน 20 ปี และสินเชื่อเพื่อชำระหนี้สินภายนอก วงเงินไม่เกิน 200,000 บาท กรณีสงวนรักษาที่ดินวงเงินไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ยตามประกาศ ระยะเวลาชำระหนี้ไม่เกิน 12 ปี เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้ออกแนวทางการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มที่มีปัญหาการผ่อนชำระอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่เป็นหนี้เสียและกำลังจะเป็นหนี้เสียรวมกว่า 30,000 ราย มูลหนี้เกือบ 40,000 ล้านบาท โดยขยายระยะเวลามาตรการความช่วยเหลือออกไปถึงสิ้นปี 2566 จากเดิมสิ้นสุดเดือน มิ.ย.นี้ ทั้งขยายระยะเวลาการผ่อนชำระ และปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยกลุ่มที่เป็นหนี้เสียมีอยู่กว่า 13,800 ราย มูลหนี้ราว 16,000 ล้านบาท ส่วนที่มีสถานะบัญชีปกติแต่ขอความช่วยเหลืออีกกว่า 21,000 ราย วงเงินต้นคงเหลือกว่า 22,000 ล้านบาท.