ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมนโยบายการเงิน สัปดาห์นี้ เพื่อพิจารณาผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยครั้งก่อน และความตึงเครียดจากวิกฤติภาคธนาคาร
Bloomberg รายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 5-5.25% ในการประชุมนโยบายการเงินสัปดาห์นี้ หลังจากทำการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว 10 ครั้ง ตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ถึงแม้ว่าความพยายามนี้จะช่วยลดแรงกดดันด้านเศรษฐกิจ แต่อัตราเงินเฟ้อยังสูงกว่าระดับเป้าหมายกรอบเงินเฟ้อระยะยาวที่กำหนดไว้ที่ 2%
ก่อนหน้านี้ในวันที่ 19 พฤษภาคม นายเจโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้กล่าวในงานเสวนา Thomas Laubach Research Conference ว่าด้วยนโยบายการเงิน ว่ามีความเห็นชอบให้ยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อประเมินผลกระทบ
จากการการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา และวิกฤติการล่มสลายของภาคธนาคาร ที่มีต่อเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อและภาพรวมเศรษฐกิจ โดยความเห็นของพาวเวล จะถูกพิจารณาเพื่อหาแนวทาง แผนของคณะกรรมการในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนหน้า
ในขณะที่นักลงทุนกำลังจับตาผลสำรวจความเห็น เกี่ยวกับประมาณการการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จากคณะกรรมการบริหารและผู้แทนจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (dot plot) ที่มีต่อตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะถูกเปิดเผยออกมาในวันที่ 13-14 มิถุนายนนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคณะกรรมการมีความเห็นไปต่อนโยบายการเงินแบบใดในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ตลาดกำลังชั่งน้ำหนักถึงความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนกรกฎาคม ตามด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระดับที่ใกล้เคียงกันในเดือนธันวาคม ขณะที่ผู้กำหนดนโยบายบางส่วนเน้นย้ำกว่าการยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย
อ้างอิง