นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า โครงการประกันรายได้สินค้าเกษตร 5 ชนิด ทั้งข้าวเปลือก ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และยางพารา ที่รัฐบาลนี้ดำเนินการมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จดี เพราะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ราคาสินค้าเกษตรมีเสถียรภาพ และไม่มีการทุจริต เงินทุกบาททุกสตางค์ที่เป็นเงินชดเชยส่วนต่างรายได้ให้กับเกษตรกรนั้น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โอนเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ไม่มีการรั่วไหล
“โครงการประกันรายได้เป็นนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ไม่ได้ผูกพันกับรัฐบาลต่อไป ดังนั้น ขึ้นอยู่กับรัฐบาลชุดใหม่ว่าจะทำนโยบายนี้ต่อหรือไม่ แต่จากการสำรวจพบว่า ช่วง 4 ปีที่ทำโครงการนี้ เกษตรกรพึงพอใจ ที่สำคัญไม่มีการทุจริต ถ้ารัฐบาลใหม่ทำต่อได้ก็ดีเป็นประโยชน์กับเกษตรกรเห็นๆอยู่แล้ว”
ทั้งนี้ รัฐบาลใหม่น่าจะมีมาตรการดูแลเกษตรกร ส่วนจะเป็นโครงการรับจำนำหรือไม่ ตนมองว่า ในภาพรวมรับจำนำสินค้าเกษตร โดยให้เกษตรกรเอาสินค้ามาขายให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงต้องเช่าโกดังเก็บรักษาไม่ให้เสื่อมสภาพ และเปิดประมูลขายแบบที่ต้องได้กำไร ถ้าไม่ได้ตามนี้ มีการทุจริต ถือเป็นปัญหามาก เหมือนอย่างรับจำนำข้าวเปลือกที่ผ่านมา ที่ประเทศเสียหายมากถึง 800,000-900,000 ล้านบาท จนถึงขณะนี้ยังชดใช้ไม่หมด ตนต้องลงนามในหนังสือสั่งการให้ชดใช้ความเสียหายอยู่จนถึงขณะนี้
“ช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ผมยังลงนามในหนังสือสั่งการให้ชดใช้ความเสียหายอยู่เลย ยังไม่จบสิ้น ที่พูดแบบไม่มีเจตนาวิจารณ์พรรคการเมือง แต่นักข่าวถามถึงนโยบายจำนำ ซึ่งต้องระมัดระวัง เพราะเรามีบทเรียนมาแล้ว เป็นภาระมากกับกระทรวงเกษตร กระทรวงพาณิชย์ และข้าราชการทุกคนหายใจไม่ทั่วท้อง”.