เตือนอย่าเชื่อเพจปลอมชวนลงทุน อานิสงส์เปิดประเทศส่งรายได้ "บจ." โต

ผู้สื่อข่าวรายงานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ตลาดฯขอเตือนผู้ลงทุนอย่าหลงเชื่อ เพจปลอมแอบอ้างเป็นผู้บริหารชักชวนลงทุน หรือหลอกลวงให้ร่วมลงทุน หรือรับข้อมูลลงทุน ชี้เป็นข้อมูลเท็จ แนะประชาชนอย่าหลงเชื่อ และตรวจสอบข้อมูลความถูกต้อง โดยระบุว่า ตามที่ปรากฏเพจ Facebook ปลอมหลายเพจได้แอบอ้างชื่อและภาพของกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมทั้งได้มีการใช้เพจปลอมดังกล่าวไปชักชวน หรือ หลอกลวงประชาชนทั่วไปให้มาร่วมลงทุน หรือรับข้อมูลการลงทุนนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯขอเตือนผู้ลงทุนและประชาชนว่าอย่าได้หลงเชื่อเพจปลอมและโซเชียลมีเดียใดๆที่มีการแอบอ้างดังกล่าว ซึ่งเป็นข้อมูลเท็จที่ต้องการหลอกลวง

ทั้งนี้ หากได้รับเพจ Facebook หรือโซเชียลมีเดียใดๆที่มีการแอบอ้างโลโก้และชื่อของตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงชื่อและภาพผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯตลอดจนบุคคลที่มีชื่อเสียงในตลาดทุน เพื่อชักชวนให้เข้าร่วมลงทุนหรือรับข้อมูลการลงทุน ขอให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจเป็นการหลอกลวงโดยมิจฉาชีพ และขอให้สอบถามหรือตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้ที่ SET Contact Center 0-2009-9999 หรือ email : SETContactCenter@set.or.th 

ด้านนายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) จำนวน 786 บริษัท คิดเป็น 99.5% จากทั้งหมด 790 บริษัท (รวม SET และ mai ที่มีกำหนดส่งงบการเงิน ณ สิ้นงวด 31 มี.ค.66 และไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์, กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน) นำส่งผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 ปี 66 พบว่ามี บจ.รายงานกำไรสุทธิ 590 บริษัท คิดเป็น 74.7% ของ บจ.ที่นำส่งงบการ เงินทั้งหมด โดยผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 ปี 66 เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน บจ.ใน SET มียอดขาย 4,200,891 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.6% และมีกำไรจากการดำเนินงานหลัก 410,246 ล้านบาท ลดลง 17.3% และมีกำไรสุทธิ 261,116 ล้านบาท ลดลง 6.2% สำหรับผลการดำเนินงานของ บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ไตรมาส 1 ปี 66 เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดขายรวม 52,334 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.6%

“การเปิดประเทศทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อธุรกิจอาหาร การบริการ การขนส่ง การท่องเที่ยว และการโทรคมนาคม ทั้งนี้ กลุ่มธนาคารและธุรกิจการเงินยังได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น แต่การเร่งปรับตัวให้ทันต่อการกลับมาของธุรกิจทำให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งกว่ายอดขาย ส่วนหนึ่งจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ ส่งผลให้ บจ.มีอัตรากำไรลดลง”.