ไทยปรับกลยุทธ์ดันส่งออกครึ่งปีหลัง พาณิชย์ระดมกึ๋นลุยจัด 350 กิจกรรมปลุกใจเอกชน

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ไทยปรับกลยุทธ์ดันส่งออกครึ่งปีหลัง พาณิชย์ระดมกึ๋นลุยจัด 350 กิจกรรมปลุกใจเอกชน

Date Time: 26 พ.ค. 2566 05:30 น.

Summary

  • “ปลัดพาณิชย์” ถกทูตพาณิชย์ พาณิชย์จังหวัด ภาคเอกชน ปรับกลยุทธ์ดันส่งออกไทยครึ่งหลังปี 66 คาดสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีก 1.9 หมื่นล้านบาท ขณะที่เอกชนห่วงต้นทุนพุ่ง ทั้งค่าแรง ค่าไฟ เงินบาทแข็ง ฉุดผู้ส่งออก

Latest

เตรียมพร้อม “ยื่นภาษี 2567” ช่วงต้นปี 2568 กับ 4 ความผิด ที่มักถูกกรมสรรพากรตรวจสอบย้อนหลัง

“ปลัดพาณิชย์” ถกทูตพาณิชย์ พาณิชย์จังหวัด ภาคเอกชน ปรับกลยุทธ์ดันส่งออกไทยครึ่งหลังปี 66 คาดสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีก 1.9 หมื่นล้านบาท ขณะที่เอกชนห่วงต้นทุนพุ่ง ทั้งค่าแรง ค่าไฟ เงินบาทแข็ง ฉุดผู้ส่งออก

นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับทูตพาณิชย์จากทั่วโลก พาณิชย์จังหวัด และภาคเอกชนเพื่อประเมินสถานการณ์ส่งออกในช่วงครึ่งหลังปี 66 ว่า ได้ร่วมกันจัดทำแผนขับเคลื่อนการส่งออกเพื่อผลักดันให้เป้าหมายการส่งออกในปีนี้ ที่ตั้งไว้ขยายตัว 1-2% จากปี 65 บรรลุผล โดยจะเพิ่มกิจกรรมอีก 350 กิจกรรมเจาะตลาดเป้าหมาย 7 ภูมิภาค คาดจะสร้างมูลค่าการส่งออกได้เพิ่มขึ้นอีกกว่า 550 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 19,250 ล้านบาท ทำให้มูลค่าส่งออกภาพรวมอยู่ที่ 290,300-293,000 ล้านเหรียญฯ จากปี 65 ที่ทำได้ 287,400 ล้านเหรียญฯ

สำหรับกิจกรรมที่จะดำเนินการมีทั้งเปิดตลาดใหม่ รักษาตลาดเดิม และฟื้นฟูตลาดเก่า ด้วยกลยุทธ์สำคัญซึ่งจะช่วยผลักดันให้การส่งออกใน 7 ภูมิภาคเพิ่มขึ้น โดยตะวันออกกลางและแอฟริกา คาดการส่งออกจะขยายตัว 20%, เอเชียตะวันออกและโอเชียเนีย เพิ่ม 2.2% จีน เพิ่ม 1% ฮ่องกง เพิ่ม 2% ยุโรป เพิ่ม 1% อเมริกาเหนือ เพิ่ม 4.5% ละตินอเมริกา เพิ่ม 4% เอเชียใต้ เพิ่ม 10% อาเซียน เพิ่ม 6.6%

นอกจากนี้ ยังได้มอบนโยบายให้เชื่อมโยงการทำงานระหว่างทูตพาณิชย์กับพาณิชย์จังหวัด เพื่อผลักดันเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยผลักดันสินค้าท้องถิ่นของไทย รวมถึงจะร่วมมือกับภาคเอกชน ตั้งคณะทำงานเป็นรายกลุ่มคลัสเตอร์ หรือกลุ่มสินค้า เพื่อประเมินการส่งออกเป็นรายคลัสเตอร์และรายสินค้า เช่น หากตลาดส่งออกปัจจุบันชะลอตัวจะมีทางขยายไปยังตลาดอื่นใดได้บ้าง หรือใช้วิธีการใด กระทรวงพาณิชย์จะเข้ามาช่วยเหลือสนับสนุนได้อย่างไร

“ในช่วงครึ่งปีหลัง การส่งออกไทยยังต้องเผชิญกับปัจจัยลบมากมาย โดยเฉพาะค่าเงินบาทผันผวน มาตรการกีดกันทางการค้า ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงต้นทุนที่ยังอยู่ในระดับสูง ฯลฯ ดังนั้น ต้องช่วยกันปลุกภาคเอกชนให้ฮึดขึ้นสู้ โดยมีภาครัฐเป็นผู้สนับสนุน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทำงานที่ 1-2% ถ้าทำเต็มที่แล้ว แต่ผลที่ออกมาไม่เป็นไปตามเป้าหมายก็ไม่เป็นไร ถือว่าได้พยายามที่สุดแล้ว”

ด้านนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ผู้ประกอบการมีภาระต้นทุนการผลิตที่หนักมาก ทั้งจากราคาวัตถุดิบ ราคาพลังงาน ที่ส่วนใหญ่เรานำเข้า อีกทั้งยังมีปัญหาซัพพลายเชน รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่ามาก แต่จากนี้ไม่รู้จะมีปัญหาอะไรเข้ามาซ้ำเติมอีก ส่วนการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้น ถ้าขึ้นปีละครั้ง และผ่านคณะกรรมการไตรภาคี ที่พิจารณาความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ นายจ้างไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นการขึ้นตามนโยบายการเมืองจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการ และเป็นอันตรายมาก เพราะนักลงทุนที่กำลังจะมาลงทุนในไทยต้องทบทวนอย่างหนัก เพราะค่าแรงเป็นหนึ่งในต้นทุนสำคัญ หลายบริษัทชะลอการลงทุนเพราะความไม่ชัดเจนของนโยบายการขึ้นค่าแรง หากรัฐบาลยังใช้ค่าแรงงานเป็นเครื่องมือทางการเมืองจะต้องพิจารณาถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นในอนาคตด้วย

ส่วนนายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า การส่งออกของไทยผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วตั้งแต่เดือน ม.ค.66 ที่ทำมูลค่าได้เพียง 20,000 กว่าล้านเหรียญฯ และเริ่มดีขึ้น จนเดือน มี.ค.66 ที่หลายฝ่ายคาดว่าจะแย่ แต่ก็ดีกว่าที่คาดไว้ ทำให้ไตรมาสแรก ติดลบเพียง 4.5% และจากนี้ คาดว่าทิศทางจะดีขึ้น บวกกับที่ทำงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเจาะตลาดก็จะยิ่งช่วยเพิ่มยอดส่งออกได้

ขณะที่นายนาวา จันทนสุรคน กรรมการบริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า สินค้าดาวร่วง เช่น เฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ฯลฯ ที่การส่งออกแทบไม่เติบโตแล้ว เมื่อกระทรวงพาณิชย์ บอกว่าจะทำงานร่วมกับภาคเอกชนเป็นคลัสเตอร์สินค้า เพื่อเกาะติดสถานการณ์ส่งออก และวางแผนผลักดันการส่งออก ทำให้ภาคเอกชนมีความหวังมากขึ้น และมีความเป็นไปได้ที่การส่งออกปีนี้จะเติบโตมากกว่าที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ตั้งเป้าหมายไว้ที่ติดลบ 1%.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ