พาณิชย์จดๆ จ้องๆ รื้อ ก.ม.เอดี เล็งตั้งคณะทำงานศึกษาหลังเจอค้านแหลก

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมได้จัดทำข้อเสนอผลการรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับการทบทวน พ.ร.บ.การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งสินค้าจากต่างประเทศ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2562 ตามที่ พ.ร.บ.หลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ.2562 กำหนดให้กฎหมายที่บังคับใช้ทุก 5 ปีให้หน่วยงานที่ดูแลกฎหมาย ประเมินผลสัมฤทธิ์ และได้นำเสนอข้อเสนอดังกล่าวต่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว จากนี้จะเผยแพร่ในเว็บไซต์ของกรมที่ www.dft.go.th  เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ศึกษา

สำหรับผลการเปิดรับฟังความคิดเห็น ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้ และมีข้อเสนอแนะให้ปรับปรุงในบางประเด็น โดยกลุ่มที่เห็นด้วยกับการแก้ไขกฎหมาย เห็นว่าจะต้องกำหนดนิยามสินค้าชนิดเดียวกันให้ครอบคลุมถึงสินค้าที่ทดแทนกันได้ เพราะบางกรณีมีการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) กับสินค้าบางชนิดแล้ว แต่ก็มีสินค้าที่ใกล้เคียงกันใช้ทดแทนกันได้ ทำให้มีการเลี่ยงไปนำเข้าสินค้าที่ไม่ถูกใช้เอดีแทน และควรปรับหลักเกณฑ์ กระบวนการดำเนินงานภายใต้กฎหมายไม่ให้เกิดภาระเกินจำเป็น และไม่ให้นำเกณฑ์ขั้นต่ำที่นำไปสู่การยกเว้นการใช้มาตรการ มาบังคับใช้โดยอนุโลมในกรณีการทบทวนอัตราอากร และการทบความจำเป็นที่จะบังคับใช้มาตรการต่อ

ส่วนกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการมีกฎหมายฉบับนี้ เห็นว่า สินค้าที่นำเข้ามามีคุณภาพ และมีราคาถูกกว่าสินค้าที่ผลิตในประเทศ ไม่ควรใช้มาตรการเอดี เพราะจะทำให้อุตสาหกรรมภายในประเทศผูกขาดการค้าสินค้านั้นๆ แต่ควรส่งเสริมให้มีการค้าเสรี เพราะเป็นประโยชน์ในการลดต้นทุนผลิต และเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคที่จะบริโภคสินค้าได้ราคาถูกลง

อย่างไรก็ตาม กรมจะจัดตั้งคณะทำงานกฎหมายเพื่อพิจารณาข้อเสนอแนะ ข้อแนะนำการปรับปรุงกฎหมาย และศึกษา วิเคราะห์ผลดี ผลเสีย ต่อส่วนรวม ผลกระทบต่อเศรษฐกิจการค้าก่อน จากนั้นจะรายงานสรุปประเด็นที่ควรแก้ไขให้กระทรวงพาณิชย์เห็นชอบ และจะทำการยกร่างแก้ไขกฎหมาย และเข้าสู่กระบวนการแก้ไขกฎหมายต่อไป.