อ่วมคนใช้ไฟแบกภาระเพิ่ม จับตา กฟภ.ชง กกพ.ซื้อไฟฟ้าเอกชนแพงลิ่ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (บอร์ด กกพ.) วันที่ 3 พ.ค.นี้ซึ่งมีวาระที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะวาระที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้เสนอให้บอร์ด กกพ.ออกใบอนุญาตบริษัทแห่งหนึ่งที่สร้างโซลาร์ฟาร์มตั้งแต่ปี 52 เกือบ 1 เมกะวัตต์ โดยมีราคารับซื้อสูงถึงหน่วยละ 11.80 บาท โดยรับซื้อไฟฟ้าเป็นอัตราส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (แอดเดอร์) หน่วยละ 8 บาท และค่าไฟฟ้าขายส่งอีกหน่วยละ 3.80 บาท เป็นเวลา 10 ปี ซึ่งเป็นราคารับซื้อที่สูงมาก เมื่อเทียบกับปัจจุบันที่ กฟภ.ขายส่งไฟฟ้าเพียงหน่วยละ 3.80 บาท และราคารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (อาร์อี) อยู่ที่ 2.16 บาท ทั้งนี้ หากอนุมัติตามที่ กฟภ.เสนอมาก็จะทำให้ต้นทุนการผลิตไฟสูงมาก และส่วนต่างที่เกิดขึ้นอาจถูกส่งผ่านมาให้ประชาชนร่วมรับภาระค่าไฟฟ้า

สำหรับประเด็นการรับซื้อไฟฟ้าในราคาสูงถึง 11.80 บาทต่อหน่วยดังกล่าว เกิดจากข้อพิพาทระหว่าง กฟภ. กับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายหนึ่ง หลังจาก กฟภ.ได้ลงนามสัญญาซื้อไฟฟ้า จากโครงการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในราคาแอดเดอร์ 8 บาท เป็นเวลา 10 ปี แบ่งเป็นสัญญา 5 ปี ต่อสัญญาอัตโนมัติอีก 5 ปี ซึ่งเอกชนรายนี้ต้องขายไฟให้ กฟภ.ในปี 2553 แต่เมื่อใกล้ครบกำหนด กฟภ.ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่า เอกชนยังไม่ได้ก่อสร้างใดๆ ต่อมาปี 55 คณะกรรมการบริหารมาตรการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมีมติให้ยกเลิกสัญญา แต่ในปี 2560 เอกชนรายนี้ได้ยื่นฟ้องต่ออนุญาโตตุลาการว่า กฟภ.แจ้งยกเลิกสัญญามิชอบ เนื่องจากส่งหนังสือแจ้งเลิกสัญญาไปยังบุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท เท่ากับว่ายังไม่มีการยกเลิกสัญญา และในสัญญาระบุว่า หากบริษัทไม่ได้ดำเนินการตามสัญญา กฟภ.ต้องมีหนังสือแจ้งเตือน และให้แก้ไขตามเวลาที่กำหนดก่อน

ทั้งนี้ ในปี 62 อนุญาโตตุลาการได้วินิจฉัยให้ กฟภ. ต้องรับซื้อไฟฟ้าจากเอกชนแห่งนี้ เพราะยกเลิกสัญญามิชอบ ไม่ได้แจ้งยกเลิกสัญญาเป็นหนังสือส่งให้บริษัทที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้เตือนให้แก้ไขตามกำหนด โดยให้รับซื้อไฟฟ้าในราคาเดียวกับรายอื่นที่ขายให้ กฟภ.ในปี 2562 คือ ราคาขายส่งหน่วยละ 3.80 บาท ราคาอาร์อี 2.16 บาท.