นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า บริษัททัวร์คู่ค้าในประเทศจีนได้สะท้อนปัญหามายังแอตต้า ประเด็นสถานทูตและกงสุลไทยในจีน 8 แห่ง ปรับเงื่อนไขการขอวีซ่าเข้าไทย มีผลตั้งแต่ 8 พ.ค.66 เป็นต้นไป ให้นักท่องเที่ยวจีนทุกคนต้องยื่นวีซ่าเดี่ยวเท่านั้น ซึ่งมีเงื่อนไขการขอเอกสารที่เข้มงวดมาก ยากกว่าการขอวีซ่าไปยุโรปด้วยซ้ำ ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ขนาดใหญ่ อาจเลือกเดินทางไปประเทศอื่น ที่มีความสะดวกเรื่องวีซ่ามากกว่า “ผู้ประกอบการฝั่งไทยและจีน งงกับการปรับเงื่อนไขของสถานทูตและกงสุลไทยในจีนมาก ต้องการให้ชี้แจงอย่างเร่งด่วน โดยผู้ประกอบการทัวร์ฝั่งจีนได้เรียกร้องให้เร่งปรับลดเงื่อนไข เอื้อต่อการขอวีซ่าเข้าไทยได้สะดวก ให้กลับไปเหมือนยุคก่อนโควิด เพราะเป็นช่วงของการฟื้นฟูตลาดนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวรขนาดใหญ่ ซึ่งกระทบต่อเป้าหมายนักท่องเที่ยวจีนมาไทยปี 66 ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งไว้ 5 ล้านคน”
นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการ สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า การสำรวจของสภาการวิจัยท่องเที่ยวแห่งประเทศจีนปี 65 ระบุว่า คนจีนจะท่องเที่ยวต่างประเทศ 90 ล้านคนในปี 66 ปัจจัยที่เลือกจุดหมายปลายทางคือประเทศที่อำนวยความสะดวกเรื่องวีซ่ามีมากถึง 43% ซึ่งทั่วโลกต้องการเค้กก้อนนี้ เพื่อดึงจีนมาสร้างรายได้ แต่ไทยกลับสร้างเงื่อนไขให้ยากขึ้น ด้านนายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว ยืนยันว่าการให้นักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ยื่นขอวีซ่าเดี่ยวนั้นเป็นกฎเดิม แต่ที่ผ่านมากรมการกงสุลได้ผ่อนผันเรื่อยมา แต่วันที่ 10 พ.ค.นี้ กรมการท่องเที่ยวจะหารือกับกรม การกงสุล เพื่อขอผ่อนผันการขอวีซ่าต่ออีกระยะ ซึ่งสถานทูตและกงสุลไทยก็อยากผ่อนผันต่อ แต่เอกชนท่องเที่ยวเรียกร้องเรื่องปัญหาทัวร์ตลาดจีนเที่ยวไทย เช่น นอมินี ทัวร์ศูนย์เหรียญและอื่นๆทำให้ต้องเข้มงวดขึ้น ป้องกันการรั่วไหลหรือยัดไส้ พอเข้มงวดก็จะกระทบทำให้ต้องใช้หลายมาตรการ.